ทิสโก้เล็งออกหุ้นอีกระลอกต้นสัปดาห์หน้า หลัง 2 ล็อตที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งให้เครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่ารวมไม่เกิน 8 หมื่นล้านบาท และมีอายุไม่เกิน 270 วัน ของ BAY ที่ระดับ F1+(tha)
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าสายงานธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารทิสโก้เปิดจองซื้อหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ อายุ 1 ปี ให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3.5% ต่อปี ในวงเงิน 1 พันล้านบาทโดยได้เสนอขายแก่ลูกค้าและนักลงทุนทั่วไปในระหว่างวันที่ 26 - 29 มี.ค.นั้น ปรากฏว่าหุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และมีความต้องการซื้อเข้ามาจนเต็มวงเงินแล้ว อย่างไรก็ตามเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและนักลงทุนที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ธนาคารทิสโก้จึงเตรียมเปิดเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิชุดใหม่(ครั้งที่ 3/2555)เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและนักลงทุนที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการยื่นขออนุมัติเสนอขายหุ้นกู้ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ธนาคารทิสโก้เสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไปแล้ว 2 ชุด ได้แก่ ครั้งที่ 1/2555 วงเงิน 5 พันล้านบาท และครั้งที่ 2/2555 วงเงิน 1 พันล้านบาท โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดมีอายุ 1 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2556 อัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เสนอขายแก่นักลงทุนรายย่อยทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน โดยชุดล่าสุดจองซื้อขั้นต่ำที่ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ "A"จากทริสเรทติ้ง และมีบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย
**ฟิทช์ให้หุ้นกู้BAYที่F1+(tha)**
ด้านบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ระดับ "F1+(tha)" แก่โครงการหุ้นกู้ระยะสั้นประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่ารวมไม่เกิน 8 หมื่นล้านบาท และมีอายุไม่เกิน 270 วัน ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด มหาชน (BAY) (ธนาคารมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ "AA-(tha)" แนวโน้มมีเสถียรภาพ) วัตถุประสงค์หลักในการออกหุ้นกู้คือเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินกิจการของธนาคาร
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ฟิทช์ให้แก่โครงการหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของธนาคารที่ ‘F1+(tha)’ ซึ่งสอดคล้องกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารที่ ‘AA-(tha)’ อันดับเครดิตของธนาคารสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร ซึ่งรวมถึงผลประกอบการที่ดี เงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง และคุณภาพของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ ธนาคารมีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินฝาก (wholesale funding)มากกว่าธนาคารอื่นในประเทศที่มีอันดับเครดิตใกล้เคียงกัน เพื่อให้สอดคล้องกับอายุของสินทรัพย์