ครม.เห็นชอบปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะงบปี 55 คาดสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีเป็น 48.6% พร้อมไฟเขียวธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์กู้เงินเสริมสภาพคล่อง 30 ล้านบาท
นายภักดีหาญ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 2 จากเดิมวงเงินการก่อหนี้สาธารณะในประเทศอยู่ที่ 350,000 ล้านบาท ชดเชยขาดดุลอีก 50,000 ล้านบาท เมื่อรวมเงินกู้เพื่อนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติของกระทรวงการคลัง 50,000 ล้านบาท ตามการกู้เงินในพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมประกันการภัยพิบัติ พ.ศ.2555 และกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ 350,000 ล้านบาท ในพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 ส่งให้ในปีงบประมาณ 2555 รัฐบาลต้องกู้เงินรวม 800,000 ล้านบาท ทำให้แผนการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มจาก 1.79 ล้านล้านบาท เป็น 2.24 ล้านล้านบาท
"มีผลให้ภาระหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ปี 2555 เพิ่มเป็นร้อยละ 48.6 เป็นภาระต่องบประมาณร้อยละ 9.3, ปี 2556 หนี้สาธารณะเพิ่มเป็นร้อยละ 50.4 เป็นภาระต่องบประมาณ ร้อยละ 7.6 , ปี 2557 หนี้สาธารณะเพิ่มเป็นร้อยละ 52.1 เป็นภาระหนี้ต่องบประมาณร้อยละ 11.6 , ปี 2558 หนี้สาธารณะเพิ่มเป็นร้อยละ 53.2 เป็นภาระหนี้ต่องบประมาณร้อยละ 11.6 และปี 2559 หนี้สาธารณะเพิ่มร้อยละ 53.1 เป็นภาระหนี้ต่องบประมาณร้อยละ 11.6" นายภักดีหาญกล่าว
นอกจากนี้ ครม.ยังได้รับทราบแผนการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูปเครดิต ไลท์ ของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด วงเงิน 30 ล้านบาท การอนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 2 และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ปรับปรุงครั้งที่ 2 หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองให้ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ
นายภักดีหาญ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการปรับแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 2 จากเดิมวงเงินการก่อหนี้สาธารณะในประเทศอยู่ที่ 350,000 ล้านบาท ชดเชยขาดดุลอีก 50,000 ล้านบาท เมื่อรวมเงินกู้เพื่อนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติของกระทรวงการคลัง 50,000 ล้านบาท ตามการกู้เงินในพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมประกันการภัยพิบัติ พ.ศ.2555 และกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ 350,000 ล้านบาท ในพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 ส่งให้ในปีงบประมาณ 2555 รัฐบาลต้องกู้เงินรวม 800,000 ล้านบาท ทำให้แผนการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มจาก 1.79 ล้านล้านบาท เป็น 2.24 ล้านล้านบาท
"มีผลให้ภาระหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ปี 2555 เพิ่มเป็นร้อยละ 48.6 เป็นภาระต่องบประมาณร้อยละ 9.3, ปี 2556 หนี้สาธารณะเพิ่มเป็นร้อยละ 50.4 เป็นภาระต่องบประมาณ ร้อยละ 7.6 , ปี 2557 หนี้สาธารณะเพิ่มเป็นร้อยละ 52.1 เป็นภาระหนี้ต่องบประมาณร้อยละ 11.6 , ปี 2558 หนี้สาธารณะเพิ่มเป็นร้อยละ 53.2 เป็นภาระหนี้ต่องบประมาณร้อยละ 11.6 และปี 2559 หนี้สาธารณะเพิ่มร้อยละ 53.1 เป็นภาระหนี้ต่องบประมาณร้อยละ 11.6" นายภักดีหาญกล่าว
นอกจากนี้ ครม.ยังได้รับทราบแผนการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูปเครดิต ไลท์ ของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด วงเงิน 30 ล้านบาท การอนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 2 และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ปรับปรุงครั้งที่ 2 หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองให้ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ
