ASTVผู้จัดการรายวัน-“อารักษ์” มอบปตท.ศึกษาลดขนาดองค์กร หลังพบมีบริษัทในเครือรวมกว่า 240 แห่ง เพื่อให้กระชับและคล่องตัวในการบริหารไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน “ปตท.”เผยศึกษาเสร็จไม่เกินปีนี้ โดยแนวทางจะมีทั้งการควบรวม การจำหน่าย และการปรับสัดส่วนการถือหุ้น
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายนโยบายให้กับบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ไปศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างบริษัทเครือปตท.ทั้งหมดที่มีมากกว่า 240 แห่ง ให้มีความกระชับเพื่อประสิทธิภาพการบริหารงานที่มีศักยภาพ โดยบริษัทใดที่มีหน้าที่ซ้ำซ้อนหรือไม่ได้มีบทบาทในเชิงธุรกิจหรือความจำเป็นแล้ว ก็ควรจะยุติบทบาทลงไป
“ผมยังไม่ทราบนะว่าที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร ปตท.คงกำลังทำรายละเอียดอยู่ แต่หลักการต้องการไม่ให้ปตท. มีบริษัทที่มากเกินความจำเป็นและซ้ำซ้อนกัน เพื่อให้การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น”นายอารักษ์กล่าว
นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.กำลังศึกษารายละเอียดอยู่ เนื่องจากขณะนี้บริษัทในเครือปตท.ที่ถือหุ้นโดยตรงและทางอ้อมมีมากกว่า 240 แห่ง ซึ่งถือเป็นโครงสร้างที่ทำให้การบริหารงานยังไม่คล่องตัว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีแผนการจัดรูปแบบการบริหารจัดการเพื่อให้เหมาะสมและให้การดำธนินธุรกิจมีความคล่องตัวมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน
“รูปแบบก็มีหลายอย่าง และบางบริษัทที่ซ้ำซ้อน ก็คงต้องมาดูว่าจะควบรวมกันได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะรวมไปถึงการจัดโครงสร้างการถือหุ้นบางบริษัทใหม่ เช่น การเจรจาซื้อหุ้นในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (แทปไลน์) ส่วนของต่างชาติเพื่อเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในการดำเนินกิจการวางท่อเพิ่มเติมในอนาคต เป็นต้น” นายณัฐชาติกล่าว
แหล่งข่าวจากบมจ.ปตท.กล่าวว่า การศึกษาคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไม่เกินสิ้นปีนี้ โดยจะมีขั้นตอนสำคัญที่จะเน้นหนักไปที่ 50 บริษัท ที่ปตท.ถือหุ้นตรงและครอบคลุมบริษัทที่ถือหุ้นทางอ้อม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเปรียบเทียบธุรกิจในระดับสากลในอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อวิเคราะห์ข้อแตกต่างเพื่อกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมของกลุ่มปตท.
หลังจากนั้นจะเป็นการเสนอแนะวิธีดำเนินการและทางเลือก เช่น การควบรวม การจำหน่าย และการปรับสัดส่วนการถือหุ้น เป็นต้น เพื่อให้บรรลุตามรูปแบบของการบริหารจัดการใหม่ โดยแนวทางดังกล่าวจะมีการจัดทำการบริหารความเสี่ยงจากผลกระทบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นในปี 2555 ปตท.มีแผนงานที่จะจัดโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทในเครือปิโตรเคมีในส่วนของ Service Companies ได้แก่ บริษัท พีทีที โพลิเมอร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (PTTPM) บริษัท พีทีทีโพลิเมอร์ โลจิสติกส์ (PTTPL) และบริษัท พีทีทีแทงค์เทอร์มินอล จำกัด (PTT Tank)
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายนโยบายให้กับบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ไปศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างบริษัทเครือปตท.ทั้งหมดที่มีมากกว่า 240 แห่ง ให้มีความกระชับเพื่อประสิทธิภาพการบริหารงานที่มีศักยภาพ โดยบริษัทใดที่มีหน้าที่ซ้ำซ้อนหรือไม่ได้มีบทบาทในเชิงธุรกิจหรือความจำเป็นแล้ว ก็ควรจะยุติบทบาทลงไป
“ผมยังไม่ทราบนะว่าที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร ปตท.คงกำลังทำรายละเอียดอยู่ แต่หลักการต้องการไม่ให้ปตท. มีบริษัทที่มากเกินความจำเป็นและซ้ำซ้อนกัน เพื่อให้การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น”นายอารักษ์กล่าว
นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร บมจ.ปตท.กล่าวว่า ปตท.กำลังศึกษารายละเอียดอยู่ เนื่องจากขณะนี้บริษัทในเครือปตท.ที่ถือหุ้นโดยตรงและทางอ้อมมีมากกว่า 240 แห่ง ซึ่งถือเป็นโครงสร้างที่ทำให้การบริหารงานยังไม่คล่องตัว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีแผนการจัดรูปแบบการบริหารจัดการเพื่อให้เหมาะสมและให้การดำธนินธุรกิจมีความคล่องตัวมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน
“รูปแบบก็มีหลายอย่าง และบางบริษัทที่ซ้ำซ้อน ก็คงต้องมาดูว่าจะควบรวมกันได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะรวมไปถึงการจัดโครงสร้างการถือหุ้นบางบริษัทใหม่ เช่น การเจรจาซื้อหุ้นในบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (แทปไลน์) ส่วนของต่างชาติเพื่อเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในการดำเนินกิจการวางท่อเพิ่มเติมในอนาคต เป็นต้น” นายณัฐชาติกล่าว
แหล่งข่าวจากบมจ.ปตท.กล่าวว่า การศึกษาคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไม่เกินสิ้นปีนี้ โดยจะมีขั้นตอนสำคัญที่จะเน้นหนักไปที่ 50 บริษัท ที่ปตท.ถือหุ้นตรงและครอบคลุมบริษัทที่ถือหุ้นทางอ้อม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเปรียบเทียบธุรกิจในระดับสากลในอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อวิเคราะห์ข้อแตกต่างเพื่อกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมของกลุ่มปตท.
หลังจากนั้นจะเป็นการเสนอแนะวิธีดำเนินการและทางเลือก เช่น การควบรวม การจำหน่าย และการปรับสัดส่วนการถือหุ้น เป็นต้น เพื่อให้บรรลุตามรูปแบบของการบริหารจัดการใหม่ โดยแนวทางดังกล่าวจะมีการจัดทำการบริหารความเสี่ยงจากผลกระทบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นในปี 2555 ปตท.มีแผนงานที่จะจัดโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทในเครือปิโตรเคมีในส่วนของ Service Companies ได้แก่ บริษัท พีทีที โพลิเมอร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (PTTPM) บริษัท พีทีทีโพลิเมอร์ โลจิสติกส์ (PTTPL) และบริษัท พีทีทีแทงค์เทอร์มินอล จำกัด (PTT Tank)