ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังเผยวงเงินกู้ปี 54 รวมเงินกู้พ.ร.ก. 2 ฉบับวงเงินกว่า 8 แสนล้าน ดันหนี้สาธารณะแตะ 50% ของจีดีพี ระบุอาจกู้ไม่เต็มวงเงินเหตุโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมขนาดใหญ่ต้องใช้เวลานานแต่กฎหมายให้เบิกจ่ายก่อนสิ้นเดือนมิ.ย.56 เล็งอาจใช้เป็นโครงการผูกพันระยะยาวในปีงบประมาณถัดไป
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายหนี้สาธารณะจะมีการปรับแผนการกู้เงินของรัฐบาลอีกครั้งเนื่องจากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) ทั้ง 4 ฉบับ ประกอบไปด้วย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 พ.ร.ก.กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. 2555 และพ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ.2555 มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายแล้ว
โดยในส่วนที่กระทรวงการคลังต้องนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายหนี้สาธารณะนั้นจะต้องปรับวงเงินกู้เพิ่มเติมจากเดิมที่มีการกู้ตามกรอบการขาดดุลงบประมาณอยู่แล้ว 4 แสนล้านบาท และเพิ่มเติมวงเงินกู้ยืมอีก 4 แสนล้านบาท จากพ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านบาทและพ.ร.ก.กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ อีก 5 หมื่นล้านบาท ทำให้วงเงินกู้ที่ต้องดำเนินการทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนล้านบาท
“เงินกู้ที่เพิ่มขึ้นมา 8 แสนล้านบาทนั้นเทียบเป็นสัดส่วนประมาณ 8% ของจีดีพีในปัจจุบันและหากกู้เต็มวงเงินนี้แล้วจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 50% ของจีดีพี ซึ่งก็ยังถือว่าอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดให้หนี้สาธารณะต้องไม่เกิน 60% ของจีดีพี จึงยังไม่น่ากังวลว่าจะกระทบต่อวินัยทางการคลังเท่าไรนักและรัฐบาลยังสามารถนำเงินไปใช้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อไปได้” นายจักรกฤศฏิ์
นายจักรกฤศฏิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามคาดว่าวงเงินกู้ทั้งหมดรัฐบาลอาจไม่สามารถกู้ได้เต็มวงเงินทั้งหมดเนื่องจากมีบางโครงการที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และใช้เวลาก่อสร้างยาวนานแต่ในพ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านกำหนดกรอบเวลาการกู้ของรัฐบาลภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 เท่านั้น หากจะเดินหน้าโครงการต่อไปต้องหารือร่วมกับสำนักงบประมาณว่าจะสามารถใช้เป็นงบผูกพันในงบประมาณรายจ่ายปีต่อไปได้หรือไม่
สำหรับโครงการที่คาดว่าจะดำเนินการได้โดยเร็วคือการจัดการตามแนวเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาวงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท แนวตะวันออกของแม่น้ำ 1.5 หมื่นล้านบาทและแนวตะวันตกวงเงิน 9 พันล้านบาท ซึ่งหากโครงการสามารถผ่านขั้นตอนของสำนักงบประมาณ ขั้นตอนการประมูลและการจัดซื้อจัดจ้างได้เมื่อไรกระทรวงการคลังก็สามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการได้ทันที
“การเบิกจ่ายเงินเพื่อใช้ในโครงการไม่มีปัญหาแต่อย่างใดทางสบน.มีความพร้อมอยู่แล้วในการบริหารจัดการเงินกู้ทั้งหมดอยู่แล้ว โรงการใดที่พร้อมและสำนักงบประมาณอนุมัติซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน จากนั้นเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการประมูลและวางเงินงวดแรก 15% ทางสบน.ก็พร้อมดำเนินการกู้เงินในตลาดมารองรับได้ทันที โดยคาดว่าจะเป็นการกู้จากสถาบันการเงินเป็นงวดๆ ตามความต้องการใช้เงินก่อนแล้วค่อยแปลงเป็นพันธบัตรระยะยาวในภายหลัง” นายจักรกฤศฏิ์กล่าว
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายหนี้สาธารณะจะมีการปรับแผนการกู้เงินของรัฐบาลอีกครั้งเนื่องจากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) ทั้ง 4 ฉบับ ประกอบไปด้วย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 พ.ร.ก.กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. 2555 และพ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ.2555 มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายแล้ว
โดยในส่วนที่กระทรวงการคลังต้องนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายหนี้สาธารณะนั้นจะต้องปรับวงเงินกู้เพิ่มเติมจากเดิมที่มีการกู้ตามกรอบการขาดดุลงบประมาณอยู่แล้ว 4 แสนล้านบาท และเพิ่มเติมวงเงินกู้ยืมอีก 4 แสนล้านบาท จากพ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านบาทและพ.ร.ก.กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ อีก 5 หมื่นล้านบาท ทำให้วงเงินกู้ที่ต้องดำเนินการทั้งสิ้นเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนล้านบาท
“เงินกู้ที่เพิ่มขึ้นมา 8 แสนล้านบาทนั้นเทียบเป็นสัดส่วนประมาณ 8% ของจีดีพีในปัจจุบันและหากกู้เต็มวงเงินนี้แล้วจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 50% ของจีดีพี ซึ่งก็ยังถือว่าอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดให้หนี้สาธารณะต้องไม่เกิน 60% ของจีดีพี จึงยังไม่น่ากังวลว่าจะกระทบต่อวินัยทางการคลังเท่าไรนักและรัฐบาลยังสามารถนำเงินไปใช้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อไปได้” นายจักรกฤศฏิ์
นายจักรกฤศฏิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามคาดว่าวงเงินกู้ทั้งหมดรัฐบาลอาจไม่สามารถกู้ได้เต็มวงเงินทั้งหมดเนื่องจากมีบางโครงการที่เป็นโครงการขนาดใหญ่และใช้เวลาก่อสร้างยาวนานแต่ในพ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำฯ 3.5 แสนล้านกำหนดกรอบเวลาการกู้ของรัฐบาลภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 เท่านั้น หากจะเดินหน้าโครงการต่อไปต้องหารือร่วมกับสำนักงบประมาณว่าจะสามารถใช้เป็นงบผูกพันในงบประมาณรายจ่ายปีต่อไปได้หรือไม่
สำหรับโครงการที่คาดว่าจะดำเนินการได้โดยเร็วคือการจัดการตามแนวเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาวงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท แนวตะวันออกของแม่น้ำ 1.5 หมื่นล้านบาทและแนวตะวันตกวงเงิน 9 พันล้านบาท ซึ่งหากโครงการสามารถผ่านขั้นตอนของสำนักงบประมาณ ขั้นตอนการประมูลและการจัดซื้อจัดจ้างได้เมื่อไรกระทรวงการคลังก็สามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการได้ทันที
“การเบิกจ่ายเงินเพื่อใช้ในโครงการไม่มีปัญหาแต่อย่างใดทางสบน.มีความพร้อมอยู่แล้วในการบริหารจัดการเงินกู้ทั้งหมดอยู่แล้ว โรงการใดที่พร้อมและสำนักงบประมาณอนุมัติซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน จากนั้นเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการประมูลและวางเงินงวดแรก 15% ทางสบน.ก็พร้อมดำเนินการกู้เงินในตลาดมารองรับได้ทันที โดยคาดว่าจะเป็นการกู้จากสถาบันการเงินเป็นงวดๆ ตามความต้องการใช้เงินก่อนแล้วค่อยแปลงเป็นพันธบัตรระยะยาวในภายหลัง” นายจักรกฤศฏิ์กล่าว
