คณะกรรมการกองทุนประกันภัยพิบัติ เตรียมหารือกำหนดกรอบข้อตกลง 9 มีนาคม 2555 นี้ หลังบริษัทประกันทุกแห่งตอบรับเปิดขายกรมธรรม์ภัยพิบัติ ชี้ ผู้เอาประกันต้องไม่มีพื้นที่อยู่อาศัยหรือที่ตั้งโรงงานในแนวทางน้ำผ่านหรือฟลัดเวย์ตามที่รัฐบาลกำหนด
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 มีนาคม 2555 นี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ จะประชุมเพื่อกำหนดกรอบข้อตกลงการลงนามก่อนเปิดขายกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งขณะนี้บริษัทประกันทั้ง 67 ราย ตอบรับเข้าร่วมขายกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติแล้ว
ส่วนผู้บริหารจัดการกองทุน จะจัดจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาบริหาร โดยล่าสุดมีผู้สนใจยื่นสมัครมา 1 ราย ซึ่งคณะกรรมการฯ จะพิจารณาคัดเลือกตามกระบวนการ และเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง จึงมีแนวคิดซื้อเบี้ยรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ โดยจะใช้เงินทุน 20,000 ล้านบาท จากทุนประกันเดิมทั้งหมด 50,000 ล้านบาท ทยอยซื้อประกันภัยต่อ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองเสียหาย 300,000 ล้านบาท ซึ่งประเมินจากความเสียหายของเหตุอุทกภัยในปี 2554 ที่มีความเสียหายสูงสุด
นายประเวช กล่าวอีกว่า สำหรับอัตราเบี้ยประกันภัยของภาคครัวเรือนหรือประชาชนทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 0.5 ต่อปีของทุนประกัน ให้ความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาท คิดเป็นเงินที่ต้องซื้อเบี้ยประกัน 500 บาท ต่อปี กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีทุนประกันไม่เกิน 50 ล้านบาท คิดค่าเบี้ยประกันร้อยละ 1 ต่อปี ซึ่งผู้เอาประกันประเภทวัด โรงเรียน และมูลนิธิ อยู่ในกลุ่มนี้ และกลุ่มอุตสาหกรรม คิดเบี้ยประกัน ร้อยละ 1.25 ซึ่ง
ทั้ง 2 กลุ่มนี้ให้ความคุ้มครองความเสียหายไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนประกัน แต่ผู้ที่จะได้รับความคุ้มครองต้องมีกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยหรือกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (ไอเออาร์) ด้วย และพื้นที่อยู่อาศัยหรือที่ตั้งโรงงาน จะต้องไม่อยู่ในแนวทางน้ำผ่านหรือฟลัดเวย์ หรือพื้นที่รองรับน้ำตามที่รัฐบาลกำหนด เนื่องจากจะได้รับความช่วยเหลือโดยตรงจากภาครัฐอยู่แล้ว