ยืนบนภูรอดูสัญญาณ
บรรยากาศการซื้อขายหุ้นเมื่อวันจันทร์เป็นไปอย่างเงียบเหงา และเกิดขึ้นทั่วย่านเอเชีย รวมทั้งยุโรปและสหรัฐ ซึ่งดัชนีตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย ปัจจัยภายนอกจึงไม่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้แนวโน้มการลงทุนวันนี้ อาจไม่คึกคัก หรือไม่แตกต่างจากเมื่อวาน โดยราคาหุ้นเคลื่อนไหวขึ้นลงในช่วงแคบๆ
ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนปี2554ออกมาแล้ว บริษัทจดทะเบียน461บริษัท หรือ97.86%ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดรวม471บริษัท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 625,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2553 จำนวน4.3% โดยกำไรที่เติบโตต่ำ เกิดจากผลกระทบน้ำท่วม ทำให้กำไรบริษัทจดทะเยนไตรมาสที่4 ลดวูบกว่า50%
สำหรับข่าวที่สั่นสะเทือนขวัญรายย่อยคือ การประกาศเพิ่มทุนของบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด หรือเอ็น-าร์ค โดยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงการขายหุ้นบริษัท เคมปิน สยาม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก60.43 ล้านบาท เป็น 120.86 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 6.04 หมื่นล้านหุ้น ราคาพาร์1 บาท ขายผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน1 หุ้นเดิมต่อ1หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 2 สตางค์ วัตถุประสงค์การเพิ่มทุน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระหนี้ โครงการของบริษัทในอนาคต และสำรองเพื่อหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากคดีต่างๆ
หุ้นเอ็น-พาร์ค ถือเป็นหุ้นตายซาก หลังจากกินนักลงทุนรายย่อยจนหมดเนื้องหมดตัวเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เมื่อกลับมาซื้อจายใหม่ ในนามหุ้นกลุ่มรีแฮปโก้ หรือหุ้นที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อย แต่เมื่อได้กลับเข้ามาซื้อขายใหม่ ก็มีการสร้างข่าว ขยายการลงทุน วาดฝันผลประกอบการไว้สวยหรู ตามด้วยการระดมทุน ทำให้นักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปเก็งกำไรกันอย่างร้อนแรง
ราคาหุ้นเอ็น-พาร์คเคยขยับขึ้นไปสูงสุดใกล้10 บาท แต่หลังจากระดมเงินจากตลาดหุ้นไปแล้วนับหมื่นล้าน ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปสู่ยอดดอย และเจ้ามือแห่ทิ้งหุ้น ฟาดกำไรไปเต็มกระเป๋าแล้ว ราคาหุ้นก็ถูกปล่อยให้รูดลงสู่เหว ขณะที่ผลประกอบการก็ไม่เป็นไปตามที่ผู้บริหารคุยโม้ไว้
ก่อนการประกาศเพิ่มทุนครั้งนี้ หุ้นเอ็น-พาร์คเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 2-3 สตางค์ เมื่อวานปิดที่2 สตางค์ หุ้นเพิ่มทุนขายในราคาหุ้นละ 2 สตางค์ จึงไม่มีแรงจูงใจให้ผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิ หรือแม้จะขายหุ้นใหม่ในราคาที่จูงใจ ก็ไม่ควรจะใช้สิทธิจองซื้อหุ้น เพราะอดีตหุ้นตัวนี้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้นักลงทุนรายย่อย ขณะที่ผู้บริหารบริษัท ก็ยังคงเป็นชุดเดิมๆ เจ้ามือก็ยังเป็นหน้าเดิมๆ
เอ็น-พาร์คอยู่ในสภาพที่ตายซากมานานแล้ว การเพิ่มทุนครั้งนี้ เป็นการหาเงินก้อนใหม่เพื่อให้ผู้บริหารนำไปหมุนกันเพลินๆ ผู้ที่เคยใส่หุ้นเพิ่มทุนให้หุ้นตัวนี้ในอดีต ตกอยู่ในสภาพ “เจ้าทรัพย์ “ตาย แต่ “เจ้ามือ”รวย
ไม่จำเป็นอย่ายุ่งกับหุ้นตัวนี้ เพราะเป็นหุ้นมหาภัย
สำหรับยุทธศาสตร์การลงทุนวันนี้ ต้องบังคับใจให้เย็นๆไว้นะโยม เพราะสัญญาณการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงไม่มี และแนวโน้มน่าจะมีลักษณืการประคับประคองตัวมากกว่า แต่สิ่งที่พอลุ้นได้อยู่คือ แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งยังไม่ถดถอย และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเล็กเมื่อคืนวันจันทร์ที่ตลาดซื้อขายนิวยอร์ค ก็ยังเป็นปัจจัยหนุนให้ต่างชาติขนเงินเข้ามาต่อ
แต่เพดานขาขึ้นแคบลงแล้ว ช่องว่างทำกำไรระยะสั้นก็แคบตามไปด้วย ยังไม่มีแรงเย้ายวนในการเก็งกำไรระยะสั้นเท่าไหร่ เว้นแต่หุ้นตัวเล็กหลาย ซึ่งเจ้ามือกำลังปลุกผีอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง เพราะเดาไม่ได้ว่า เกมลากราคาจะปิดฉากเมื่อไหร่
วันนี้ ยืนอยู่บนภูต่ออีกสักวันดีไหม รอดูสัญญาณบ่งชี้ทิศทางให้ชัดก่อน
บรรยากาศการซื้อขายหุ้นเมื่อวันจันทร์เป็นไปอย่างเงียบเหงา และเกิดขึ้นทั่วย่านเอเชีย รวมทั้งยุโรปและสหรัฐ ซึ่งดัชนีตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย ปัจจัยภายนอกจึงไม่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้แนวโน้มการลงทุนวันนี้ อาจไม่คึกคัก หรือไม่แตกต่างจากเมื่อวาน โดยราคาหุ้นเคลื่อนไหวขึ้นลงในช่วงแคบๆ
ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนปี2554ออกมาแล้ว บริษัทจดทะเบียน461บริษัท หรือ97.86%ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดรวม471บริษัท มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 625,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี2553 จำนวน4.3% โดยกำไรที่เติบโตต่ำ เกิดจากผลกระทบน้ำท่วม ทำให้กำไรบริษัทจดทะเยนไตรมาสที่4 ลดวูบกว่า50%
สำหรับข่าวที่สั่นสะเทือนขวัญรายย่อยคือ การประกาศเพิ่มทุนของบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด หรือเอ็น-าร์ค โดยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงการขายหุ้นบริษัท เคมปิน สยาม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก60.43 ล้านบาท เป็น 120.86 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 6.04 หมื่นล้านหุ้น ราคาพาร์1 บาท ขายผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน1 หุ้นเดิมต่อ1หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 2 สตางค์ วัตถุประสงค์การเพิ่มทุน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระหนี้ โครงการของบริษัทในอนาคต และสำรองเพื่อหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นจากคดีต่างๆ
หุ้นเอ็น-พาร์ค ถือเป็นหุ้นตายซาก หลังจากกินนักลงทุนรายย่อยจนหมดเนื้องหมดตัวเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เมื่อกลับมาซื้อจายใหม่ ในนามหุ้นกลุ่มรีแฮปโก้ หรือหุ้นที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อย แต่เมื่อได้กลับเข้ามาซื้อขายใหม่ ก็มีการสร้างข่าว ขยายการลงทุน วาดฝันผลประกอบการไว้สวยหรู ตามด้วยการระดมทุน ทำให้นักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปเก็งกำไรกันอย่างร้อนแรง
ราคาหุ้นเอ็น-พาร์คเคยขยับขึ้นไปสูงสุดใกล้10 บาท แต่หลังจากระดมเงินจากตลาดหุ้นไปแล้วนับหมื่นล้าน ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปสู่ยอดดอย และเจ้ามือแห่ทิ้งหุ้น ฟาดกำไรไปเต็มกระเป๋าแล้ว ราคาหุ้นก็ถูกปล่อยให้รูดลงสู่เหว ขณะที่ผลประกอบการก็ไม่เป็นไปตามที่ผู้บริหารคุยโม้ไว้
ก่อนการประกาศเพิ่มทุนครั้งนี้ หุ้นเอ็น-พาร์คเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 2-3 สตางค์ เมื่อวานปิดที่2 สตางค์ หุ้นเพิ่มทุนขายในราคาหุ้นละ 2 สตางค์ จึงไม่มีแรงจูงใจให้ผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิ หรือแม้จะขายหุ้นใหม่ในราคาที่จูงใจ ก็ไม่ควรจะใช้สิทธิจองซื้อหุ้น เพราะอดีตหุ้นตัวนี้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้นักลงทุนรายย่อย ขณะที่ผู้บริหารบริษัท ก็ยังคงเป็นชุดเดิมๆ เจ้ามือก็ยังเป็นหน้าเดิมๆ
เอ็น-พาร์คอยู่ในสภาพที่ตายซากมานานแล้ว การเพิ่มทุนครั้งนี้ เป็นการหาเงินก้อนใหม่เพื่อให้ผู้บริหารนำไปหมุนกันเพลินๆ ผู้ที่เคยใส่หุ้นเพิ่มทุนให้หุ้นตัวนี้ในอดีต ตกอยู่ในสภาพ “เจ้าทรัพย์ “ตาย แต่ “เจ้ามือ”รวย
ไม่จำเป็นอย่ายุ่งกับหุ้นตัวนี้ เพราะเป็นหุ้นมหาภัย
สำหรับยุทธศาสตร์การลงทุนวันนี้ ต้องบังคับใจให้เย็นๆไว้นะโยม เพราะสัญญาณการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงไม่มี และแนวโน้มน่าจะมีลักษณืการประคับประคองตัวมากกว่า แต่สิ่งที่พอลุ้นได้อยู่คือ แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งยังไม่ถดถอย และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเล็กเมื่อคืนวันจันทร์ที่ตลาดซื้อขายนิวยอร์ค ก็ยังเป็นปัจจัยหนุนให้ต่างชาติขนเงินเข้ามาต่อ
แต่เพดานขาขึ้นแคบลงแล้ว ช่องว่างทำกำไรระยะสั้นก็แคบตามไปด้วย ยังไม่มีแรงเย้ายวนในการเก็งกำไรระยะสั้นเท่าไหร่ เว้นแต่หุ้นตัวเล็กหลาย ซึ่งเจ้ามือกำลังปลุกผีอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง เพราะเดาไม่ได้ว่า เกมลากราคาจะปิดฉากเมื่อไหร่
วันนี้ ยืนอยู่บนภูต่ออีกสักวันดีไหม รอดูสัญญาณบ่งชี้ทิศทางให้ชัดก่อน
