ASTVผู้จัดการรายวัน- “เมย์แบงก์ กิมเอ็ง”ฟันธงราคาน้ำมันปี55 อยู่ที่ระดับ100-110เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล แต่คาดถ้าเกิดสงครามในอิหร่านดันราคาน้ำมันพุ่งที่ระดับ 130-140เหรียญสหรัฐฯ แนะลงทุนหุ้นPTTเหตุธุรกิจมีความหลากหลายช่วยลดผลกระทบ
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือMBKET ได้กล่าวถึงภาวะราคาน้ำมันในปี2555 ว่าจะอยู่ที่ระดับ 100-110เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยจะไม่ต่ำไปกว่า 80-90เหรียญ/บาร์เรล เพราะนั่นคือราคาที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานด้านต้นทุนของราคาน้ำมันแล้ว
อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและประเทศต่างๆ ซึ่งคาดว่าถ้าเกิดความตึงเครียดขึ้นอีกอาจจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ130-140เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลได้
“ปัญหาในอิหร่านเป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมันมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากอิหร่านสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ3.5ล้านบาร์เรล/วันและส่งออกวันละ 2.5ล้านบาร์เรล/วัน โดยถ้ามีการปิดช่องแคบฮอร์มุสจะทำให้ปริมาณน้ำมันกว่า 10 ล้านบาเรลหายไปจากตลาดโลก ทำให้ราคาน้ำมันสูงกว่าราคาในปัจจุบันและถ้าเกิดสงครามระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลจะมีผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันถึง 2.6ล้านบาเรล ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสุงขึ้นมากถึงระดับราคา 130-140เหรียญสหรัฐฯ/บาเรลและจะทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง” นายสุทธิชัย กล่าว
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกประการที่มีผลต่อราคาน้ำมันคือ การเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้า การโยกย้ายเงินลงทุนของกองทุนต่างๆในตลาดเงินตลาดทุน รวมทั้งความผันผวนของค่าเงินและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(FED) อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก ปัญหาการบริหารจัดการของกลุ่มโอเปค ฯลฯ
ขณะเดียวกันผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ MBKET ได้กล่าวถึงราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นบมจ. ปตท หรือPTTว่า เป็นหุ้นพลังงานที่มีธุรกิจหลากหลายไม่ได้อิงแต่ราคาน้ำมันเท่านั้น ดังนั้นด้วยความหลากหลายทางธุรกิจจึงช่วยให้บริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวเท่าที่ควร
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่า PTTจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี55ที่3.9% จึงแนะนำซื้อที่ราคาเหมาะสมที่ 390บาท/หุ้น ซึ่งราคาหุ้นยังถูกซื้อขายที่PER55ที่ 8.8เท่าและPBV55ที่1.6เท่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 9.5 เท่าและ2เท่าตามลำดับ
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือMBKET ได้กล่าวถึงภาวะราคาน้ำมันในปี2555 ว่าจะอยู่ที่ระดับ 100-110เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยจะไม่ต่ำไปกว่า 80-90เหรียญ/บาร์เรล เพราะนั่นคือราคาที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานด้านต้นทุนของราคาน้ำมันแล้ว
อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและประเทศต่างๆ ซึ่งคาดว่าถ้าเกิดความตึงเครียดขึ้นอีกอาจจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ130-140เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลได้
“ปัญหาในอิหร่านเป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมันมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากอิหร่านสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ3.5ล้านบาร์เรล/วันและส่งออกวันละ 2.5ล้านบาร์เรล/วัน โดยถ้ามีการปิดช่องแคบฮอร์มุสจะทำให้ปริมาณน้ำมันกว่า 10 ล้านบาเรลหายไปจากตลาดโลก ทำให้ราคาน้ำมันสูงกว่าราคาในปัจจุบันและถ้าเกิดสงครามระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลจะมีผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันถึง 2.6ล้านบาเรล ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสุงขึ้นมากถึงระดับราคา 130-140เหรียญสหรัฐฯ/บาเรลและจะทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง” นายสุทธิชัย กล่าว
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกประการที่มีผลต่อราคาน้ำมันคือ การเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้า การโยกย้ายเงินลงทุนของกองทุนต่างๆในตลาดเงินตลาดทุน รวมทั้งความผันผวนของค่าเงินและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(FED) อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจโลก ปัญหาการบริหารจัดการของกลุ่มโอเปค ฯลฯ
ขณะเดียวกันผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ MBKET ได้กล่าวถึงราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นบมจ. ปตท หรือPTTว่า เป็นหุ้นพลังงานที่มีธุรกิจหลากหลายไม่ได้อิงแต่ราคาน้ำมันเท่านั้น ดังนั้นด้วยความหลากหลายทางธุรกิจจึงช่วยให้บริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวเท่าที่ควร
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่า PTTจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี55ที่3.9% จึงแนะนำซื้อที่ราคาเหมาะสมที่ 390บาท/หุ้น ซึ่งราคาหุ้นยังถูกซื้อขายที่PER55ที่ 8.8เท่าและPBV55ที่1.6เท่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 9.5 เท่าและ2เท่าตามลำดับ