บอร์ด AFET อนุมัติรับ “ฟิลลิป” บริษัทชั้นนำในวงการหลักทรัพย์ เข้าเป็นสมาชิกนายหน้าซื้อขายล่วงหน้า เล็งเห็นศักยภาพและฐานลูกค้าในภูมิภาค พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเปิดรับสมาชิกจากภาคตลาดทุน เพิ่มช่องทางและความสะดวกในการลงทุน
คณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ได้มีมติอนุมัติรับ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (Phillip Securities (Thailand) Public Company Limited) เข้าร่วมเป็นบริษัทสมาชิกนายหน้าซื้อขายล่วงหน้าของตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) รายล่าสุดอีกบริษัทหนึ่ง เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา
กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป เริ่มก่อตั้งที่ประเทศสิงค์โปร์เมื่อปี พ.ศ. 2518 และได้ขยายขนาดของกิจการและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาค สามารถรองรับการรับส่งคำสั่งซื้อขายสัญญาสินค้าเกษตรล่วงหน้าและปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนได้จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและเชื่อมต่อให้ AFET เป็นผู้นำในการเป็นศูนย์กลางการซื้อขายสัญญาสินค้าเกษตรล่วงหน้าในภูมิภาค ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป ขยายเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ มีสำนักงาน 30 แห่งใน 11 ประเทศ ทั่วโลก ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, ศรีลังกา, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส และจีน มีพนักงานมากกว่า 3,000 คน พร้อมด้วยบริการด้านการลงทุนที่ทันสมัยและครบวงจรเพื่อสนองตอบความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายชาตรี สหเวชชภัณฑ์ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) กล่าวว่า AFET มิได้มีเพียงลูกค้าที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรที่ใช้กลไกของ AFET เพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านราคาที่ผันผวนเท่านั้น แต่ AFET ยังมุ่งตอบสนองการเป็นตลาดการลงทุนเพื่อให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายล่วงหน้าได้อีกด้วย ขณะนี้มีบริษัทหลักทรัพย์หลายรายนอกเหนือจาก บล. ฟิลลิป ที่แสดงความสนใจและได้เริ่มทยอยสมัครเข้ามาเป็นบริษัทสมาชิกนายหน้าซื้อขายล่วงหน้าของ AFET แล้ว ซึ่งบางรายอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ
ในการนี้จะทำให้นักลงทุนมีบริษัทนายหน้าซื้อขายล่วงหน้าต่างๆให้เลือกมากขึ้น อีกทั้ง AFET ยังจะร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้ จัดทำและเผยแพร่บทวิเคราะห์ทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกที่มีคุณภาพของสินค้าเกษตร เช่น ยาง และข้าว ที่จะให้ความรู้ ความเข้าใจ ความชัดเจน และให้แนวทางในการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแก่นักลงทุน และจะช่วยทำให้นักลงทุนมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น
โดยบทวิเคราะห์ดังกล่าวจะได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ธุรกิจเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนี้ สามารถยกระดับมาตรฐานการให้บริการ และเปิดโอกาสให้มีจำนวนบริษัทนายหน้าซื้อขายล่วงหน้ามารองรับการซื้อขายจากนักลงทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น โดยคาดว่าในการขยายฐานลูกค้าของ AFET ในครั้งนี้ จะทำให้เป็นการเปิดช่องทางให้แก่ผู้ประกอบการและนักลงทุนเข้ามาใช้กลไกตลาดล่วงหน้าและเข้ามาลงทุนในสินค้าเกษตรล่วงหน้าได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย
