xs
xsm
sm
md
lg

โบรกเกอร์ฮึดสู้รับมือเปิดการแข่งขันเสรี รุกธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บริษัทหลักทรัพย์ปรับยุทธศาสตร์รับมือการแข่งขันเสรี บล.ทรีนีตี้ เผยโบรกเกอร์ทั้งใน-ต่างประเทศรุมจีบควบรวมกิจการ แต่ยังไม่เลือกใคร ลั่นแม้ไม่ควบรวมอยู่รอดได้ พร้อมรุกธุรกิจด้านที่ปรึกษาทางการลงทุน ตั้งเป้าปีนี้เอยูเอ็ม1.3-1.5 พันล้านบาท จากปีก่อน 1 พันล้านบาท ด้านบล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง แจงปีนี้รุก 2 ธุรกิจใหม่ เปิดซื้อขายหุ้นต่างประเทศ -ธุรกิจที่ปรึกษาทางการลงทุนเพื่อให้บริการทางการเงินครบวงจร

นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทหลักทรัพย์ไทยและต่างประเทศติดต่อเจรจากับทางบริษัทในการเข้ามาควบรวมกิจการ จากที่บริษัทมีเป้าหมายจะมีการควบรวมกิจการเพื่อรับมือกับการแข่งขันเสรี แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป โดยบริษัทกำหนดป้าหมายบริษัทที่จะควบรวมกับบล.ทรีนิตี้นั้น หลังการควบรวมจะต้องส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ สามารถเข้ามาเกื้อหนุนในส่วนที่บริษัทมีจุดอ่อนอยู่ และดีต่อผู้ถือหุ้น และ พนักงานของบริษัท

ทั้งนี้หากบริษัทไม่มีการควบรวมกับใครบริษัทสามารถที่จะยังคงทำธุรกิจต่อไปได้ โดยบริษัทไม่ให้ความสำคัญทางด้านส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) แต่บริษัทจะให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างผลกำไรบริษัทมากกว่า โดยบริษัทได้มีการรุกธุรกิจทางด้านที่ปรึกษาทางการลงทุน (Wealth Management) ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตที่สูง โดยปี 2552 มีสินทรัพย์ภายใต้บริหารที่ 300 ล้านบาท เพิ่มเป็น 600 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาทในปี 2554

“แม้ในปีที่ผ่านมา ภาวะตลาดหุ้นไม่ดี แต่บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนประมาณ 5-7% โดยปี 2555 บริษัทตั้งเป้าจะมีสินทรัพย์ภายใต้บริหารเพิ่มเป็น 1,300-1,500 ล้านบาท จากที่มีลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าเพิ่มวงเงินลงทุนจากที่บริษัทสร้างผลตอบแทนที่ดี”

นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ MBKET เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะเริ่มให้บริการธุรกิจใหม่ 2 ส่วน คือ ธุรกิจทางด้านที่ปรึกษาทางการลงทุน (Wealth Management) โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งพอร์ตของลูกค้าต่อคนจะอยู่ที่ 10 ล้านบาทขึ้นไป และ บริษัทจะเริ่มให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศในไตรมาส 2/55 เพื่อทำให้บริษัทมีการให้บริการด้านการลงทุนอย่างครบวงจร

ทั้งนี้นักลงทุนที่สนใจที่จะเข้าไปลงทุนหุ้นต่างประเทศในเบื้องต้นสามารถซื้อขายหุ้นได้ใน 4 ประเทศ คือ ฮ่องกง มาเลเซีย สิงค์โปร์ และสหรัฐอเมริกา ซึ่ง นักลงทุนสามารถที่จะซื้อขายหุ้นในต่างประเทศผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)หรือผ่านระบบอินเตอร์เน็ตด้วยตนเอง

สำหรับธุรกิจด้านอนุพันธ์บริษัทตั้งเป้าจะเป็นบริษัทที่มีมาร์เกตแชร์อันดับ 1 จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับ 3 จากที่บริษัทไม่มีพอร์ตการลงทุนในอนุพันธ์ โดยแผนการดำเนินการดังกล่าวบริษัท จะมีการให้ความรู้ลูกค้าของบริษัทมากขึ้นเพื่อให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนจากปัจจุบันที่ลูกค้าของบริษัทมีการลงทุนในอนุพันธ์อย่างสม่ำเสมอเพียง 1 พันบัญชี หรือประมาณ 1 % ของฐานลูกค้าทั้งหมด และ บริษัทจะมีการจัดโปรโมชั่นทางด้านอนุพันธ์มากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น