ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยบวกเพิ่ม 5 จุดตามภูมิภาคที่รับข่าวดี จากการยืนยันของรัฐบาลกรีซในการจัดการปัญหาหนี้ นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิเกือบ 5 พันล้านบาท โบรกฯมองดัชนีมีโอกาสไปต่อ หากไม่มีปัจจัยลบอื่นๆเข้ามากดดัน ชี้หลังพ.ร.ก.กู้เงินผ่าน ช่วยดันหุ้นกลุ่มแบงก์ขยับขึ้น เหตุต่างเชื่อว่าจะโดนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นไม่มาก ด้าน “ออยล์ ฟิวเจอร์ส” โบรกฯเรียกร้องมาร์เกตเมคเกอร์ หวังช่วยสร้างตลาดให้ได้รับความสนใจ
ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (2ก.พ.) ปิดที่ระดับ 1,091.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.31 จุด หรือ 0.49%มูลค่าการซื้อขาย 31,845.78 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,098.89 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,091.01จุด ภาพรวมเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่เริ่มคลายความกังวลต่อสถานกาณ์หนี้ของกรีซ ซึ่งคาดว้าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 4,958.81 ล้านบาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในแถบประเทศภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเชื่อว่า นักลงทุนกำลังมีความหวังกับกรณีที่ รมว.คลังประเทศกรีซ ได้ออกมาระบุว่า จะสรุปแนวทางแก้ไขหนี้สินประเทศกรีซ ได้ภายใน 1 - 2 วันนี้ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศยุโรป ส่วนใหญ่ออกมาเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ส่วนตลาดหุ้นไทย ช่วงนี้ เชื่อว่ามีทั้งเม็ดเงินจากนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ เข้ามาเพราะหุ้นทั่วโลก มีการฟื้นตัวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามา เชื่อว่าดัชนีคงจะขึ้นได้ต่อจนไปถึงแนวต้านสำคัญที่ 1,110 จุด
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์จากปัจจัยบวกต่างประเทศ ทั้งเรื่องการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซและการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวสนับสนุน
ส่วนแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศในเรื่องค่าธรรมเนียมต้องนำส่งเข้ากองทุนประกันเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะอยู่ในอัตรา 0.5-0.6% ถือว่าเพิ่มขึ้นไม่มากจากเดิม 0.4% ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนวันนี้(3ก.พ.) ดัชนีคงเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ แนวรับที่ 1,090 และ 1,085 จุด ส่วนแนวต้าน 1,098 และ 1,100 จุด
ด้าน นาย ชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ บล.ทรีนิตี้ กล่าวในงานสัมนา “กลยุทธ์ลงทุนน้ำมันปี 2012” ว่าการลงทุนสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าหรือออยล์ฟิวเจอร์ นักลงทุนควรศึกษาระบบและวิธีการในการลงทุนก่อนเนื่องจากการลงทุนในออย์ฟิวเจอร์มีความแตกต่างกับการลงทุนในหุ้น ซึ่งถ้าไม่มีกรศึกษารายละเอียดอาจจะทำให้นักลงทุนขาดทุนได้แต่ขณะเดียวกันถ้าเข้าใจระบบและมีข้อมูลที่ดีพอก็จะสร้างผลตอบแทนให้ในระดับที่สุงกว่าหุ้น เช่นกัน
"การซื้อขายสัญญาออยล์ฟิวเจอร์ ตลาดอนุพันธ์ต้องมีตัวกลางในการสร้างตลาดหรือมาร์เกตเมคเกอร์เพื่อสร้างการเติบโตเหมือนกับสัญญาซื้อขายทองคำ มิเช่นนั้นแล้วอาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้" นายชาญชัยกล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า ราคาน้ำมันในปีนี้จะอยุ่ที่ระดับประมาณ100เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ในอ่าวฮอร์มุสและปัญหาหนี้ของกรีซซึ่งราคาน้ำมันในขณะนี้ไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่จริง โดยดูจากราคาน้ำมันและราคาหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงข้ามกัน ทำให้ต้องจับตามองหุ้นในกลุ่มพลังงานว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้
ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (2ก.พ.) ปิดที่ระดับ 1,091.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.31 จุด หรือ 0.49%มูลค่าการซื้อขาย 31,845.78 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,098.89 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,091.01จุด ภาพรวมเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่เริ่มคลายความกังวลต่อสถานกาณ์หนี้ของกรีซ ซึ่งคาดว้าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 4,958.81 ล้านบาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในแถบประเทศภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเชื่อว่า นักลงทุนกำลังมีความหวังกับกรณีที่ รมว.คลังประเทศกรีซ ได้ออกมาระบุว่า จะสรุปแนวทางแก้ไขหนี้สินประเทศกรีซ ได้ภายใน 1 - 2 วันนี้ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศยุโรป ส่วนใหญ่ออกมาเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ส่วนตลาดหุ้นไทย ช่วงนี้ เชื่อว่ามีทั้งเม็ดเงินจากนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ เข้ามาเพราะหุ้นทั่วโลก มีการฟื้นตัวไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามา เชื่อว่าดัชนีคงจะขึ้นได้ต่อจนไปถึงแนวต้านสำคัญที่ 1,110 จุด
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์จากปัจจัยบวกต่างประเทศ ทั้งเรื่องการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซและการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวสนับสนุน
ส่วนแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศในเรื่องค่าธรรมเนียมต้องนำส่งเข้ากองทุนประกันเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะอยู่ในอัตรา 0.5-0.6% ถือว่าเพิ่มขึ้นไม่มากจากเดิม 0.4% ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนวันนี้(3ก.พ.) ดัชนีคงเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ แนวรับที่ 1,090 และ 1,085 จุด ส่วนแนวต้าน 1,098 และ 1,100 จุด
ด้าน นาย ชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ บล.ทรีนิตี้ กล่าวในงานสัมนา “กลยุทธ์ลงทุนน้ำมันปี 2012” ว่าการลงทุนสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าหรือออยล์ฟิวเจอร์ นักลงทุนควรศึกษาระบบและวิธีการในการลงทุนก่อนเนื่องจากการลงทุนในออย์ฟิวเจอร์มีความแตกต่างกับการลงทุนในหุ้น ซึ่งถ้าไม่มีกรศึกษารายละเอียดอาจจะทำให้นักลงทุนขาดทุนได้แต่ขณะเดียวกันถ้าเข้าใจระบบและมีข้อมูลที่ดีพอก็จะสร้างผลตอบแทนให้ในระดับที่สุงกว่าหุ้น เช่นกัน
"การซื้อขายสัญญาออยล์ฟิวเจอร์ ตลาดอนุพันธ์ต้องมีตัวกลางในการสร้างตลาดหรือมาร์เกตเมคเกอร์เพื่อสร้างการเติบโตเหมือนกับสัญญาซื้อขายทองคำ มิเช่นนั้นแล้วอาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้" นายชาญชัยกล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า ราคาน้ำมันในปีนี้จะอยุ่ที่ระดับประมาณ100เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ในอ่าวฮอร์มุสและปัญหาหนี้ของกรีซซึ่งราคาน้ำมันในขณะนี้ไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่จริง โดยดูจากราคาน้ำมันและราคาหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงข้ามกัน ทำให้ต้องจับตามองหุ้นในกลุ่มพลังงานว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้
