ผู้บริหาร ธปท. แจงกรณี FATF เตรียมขึ้นบัญชีไทยอยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังฟอกเงินฯ ไม่กระทบธุรกรรมการเงิน-การลงทุนในตลาดหุ้น ตามที่ภาคตลาดทุนเป็นห่วง เพราะยังไม่ใช่การขึ้นแบล็กลิสต์ ที่ใช้มาตรการพิเศษเข้ามาดูแลการเข้าและออกของเงินในประเทศ หรือห้ามการทำธุรกิจทำธุรกรรมการเงินกับประเทศไทยเป็นพิเศษ ซึ่ง ธปท. ติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่หากโดนแบล็กลิสต์จริง อาจทำให้ธุรกิจชะงัก เพราะต้องถูกกักเงินไว้ตรวจสอบ
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน-ต่อต้านการก่อการร้าย ( Financial Action Task Force on Money Laundering) หรือ FATF ซึ่งมีกำหนดประชุมวันที่ 13-17 กุมภาพันธ์ 2555 นี้ ที่ประเทศฝรั่งเศส และอาจจะประกาศให้ประเทศไทยที่อยู่ในกลุ่มประเทศถูกขึ้นบัญชี “ต้องเฝ้าระวัง” (Gray List) ตามที่ภาคธุรกิจในตลาดทุนเป็นห่วงจะกระทบตลาดหุ้น กองทุนในไทยที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนนั้น ขณะนี้การประกาศดังกล่าวยังไม่กระทบกับการนำเข้าและส่งออกเงิน เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินกับต่างประเทศของไทย เนื่องจากยังไม่ใช่การขึ้นแบล็กลิสต์กับไทยที่จะต้องมีมาตรการพิเศษเข้ามาดูแลการเข้าและออกของเงินในประเทศไทย หรือห้ามการทำธุรกิจทำธุรกรรมการเงินกับประเทศไทยเป็นพิเศษ ซึ่ง ธปท.ได้ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่องอยู่แล้ว
ในเรื่องนี้ ธปท.เข้าใจว่าทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) คงมีการพิจารณาในเรื่องกฎหมายการต่อต้านการก่อการร้ายและฟอกเงินอยู่แล้วว่า กฎหมายที่มีของไทยจะทำให้เกิดการปฏิบัติจริงอย่างไรบ้าง เพราะหากไทยติดแบล็กลิสต์ขึ้นมาจริงๆ อาจทำให้มีปัญหาการชำระเงินที่มาจากต่างประเทศล่าช้าได้ เพราะอาจจะมีการกักเงินไว้ตรวจสอบ ซึ่งอาจจะสร้างผลกระทบได้