ธุรกิจไทยเจอพิษน้ำท่วม เดือนม.ค.เจ๊งพุ่ง 79% ขณะที่ยอดจดทะเบียนทำธุรกิจใหม่ลดลง 4% “ศิริวัฒน์”มั่นใจหลังรัฐบาลเร่งฟื้นฟู จะทำให้การจดธุรกิจใหม่ดีขึ้น คาดทั้งปีโต 10% หรือยอดจัดตั้ง 6 หมื่นราย
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศเดือนม.ค.2555 มีจำนวน 1,094 ราย เพิ่มขึ้น 79% เทียบกับเดือนม.ค.2554 ที่มีนิติบุคคลจดทะเบียนเลิก 610 ราย หรือเพิ่มขึ้น 484 ราย แต่เมื่อเทียบกับการจดทะเบียนเลิกเดือนธ.ค.2554 ลดลง 71% เป็นการจดทะเบียนเลิก 3,709 ราย หรือลดลง 2,615 ราย ส่วนทุนจดทะเบียนเลิกกิจการม.ค.มีมูลค่า 2,467 ล้านบาท ซึ่งประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนเลิกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป บริการนันทนาการ อสังหาริมทรัพย์ บริการด้านธุรกิจอื่น และขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจเลิกกิจการมีจำนวนเพิ่มขึ้น เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้การขอจดเลิกกิจการในช่วงเดือนที่เกิดปัญหาน้ำท่วมต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะผู้ประกอบการไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ตัวเลขจึงมาเพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย โดยเริ่มเห็นตั้งแต่เดือนธ.ค. ที่ยอดการจดทะเบียนทั้งเลิกกิจการและจัดตั้งนิติบุคคลใหม่มีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบตัวเลขในเดือนต.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ทั่วประเทศเดือนม.ค.2555 มีจำนวน 5,087 ราย ลดลง 4% เทียบกับม.ค.2554 ที่มีจำนวน 5,307 ราย หรือลดลง 220 ราย แต่เมื่อเทียบกับธ.ค.2554 เพิ่มขึ้นถึง 99% ที่มีจำนวน 2,550 ราย หรือเพิ่มขึ้น 2,537 ราย โดยมีทุนจดทะเบียนจัดตั้งกิจการม.ค. มูลค่า 1.74 หมื่นล้านบาท ซึ่งธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ขายส่งวัสดุก่อสร้าง บริการด้านธุรกิจอื่น และขายส่งเครื่องจักรและเครื่องใช้
“ไม่น่าเป็นห่วง เพราะตัวเลขเลิกกิจการแม้จะเพิ่มสูงขึ้น แต่หากเปรียบเทียบกับการขอจัดตั้งธุรกิจ ก็มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากกว่า สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยจะเริ่มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 2 และ 3 ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผลกระทบน้ำท่วมของรัฐบาลให้กับประชาชนและภาคธุรกิจจะทำให้ยอดการขอจดทะเบียนตั้งบริษัททั้งปีดีขึ้นแน่ โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 10% หรือมียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 6 หมื่นรายในปีนี้”นายศิริวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ ส่งผลให้มีจำนวนห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ บริษัทจำกัดคงอยู่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ม.ค.2555 จำนวน 5.04 แสนราย และบริษัทมหาชนคงอยู่ 920 ราย รวมนิติบุคคลอยู่ทั่วประเทศทั้งสิ้น 5.05 แสนราย
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศเดือนม.ค.2555 มีจำนวน 1,094 ราย เพิ่มขึ้น 79% เทียบกับเดือนม.ค.2554 ที่มีนิติบุคคลจดทะเบียนเลิก 610 ราย หรือเพิ่มขึ้น 484 ราย แต่เมื่อเทียบกับการจดทะเบียนเลิกเดือนธ.ค.2554 ลดลง 71% เป็นการจดทะเบียนเลิก 3,709 ราย หรือลดลง 2,615 ราย ส่วนทุนจดทะเบียนเลิกกิจการม.ค.มีมูลค่า 2,467 ล้านบาท ซึ่งประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนเลิกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป บริการนันทนาการ อสังหาริมทรัพย์ บริการด้านธุรกิจอื่น และขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน
สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจเลิกกิจการมีจำนวนเพิ่มขึ้น เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้การขอจดเลิกกิจการในช่วงเดือนที่เกิดปัญหาน้ำท่วมต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะผู้ประกอบการไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ตัวเลขจึงมาเพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย โดยเริ่มเห็นตั้งแต่เดือนธ.ค. ที่ยอดการจดทะเบียนทั้งเลิกกิจการและจัดตั้งนิติบุคคลใหม่มีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบตัวเลขในเดือนต.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ทั่วประเทศเดือนม.ค.2555 มีจำนวน 5,087 ราย ลดลง 4% เทียบกับม.ค.2554 ที่มีจำนวน 5,307 ราย หรือลดลง 220 ราย แต่เมื่อเทียบกับธ.ค.2554 เพิ่มขึ้นถึง 99% ที่มีจำนวน 2,550 ราย หรือเพิ่มขึ้น 2,537 ราย โดยมีทุนจดทะเบียนจัดตั้งกิจการม.ค. มูลค่า 1.74 หมื่นล้านบาท ซึ่งธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ขายส่งวัสดุก่อสร้าง บริการด้านธุรกิจอื่น และขายส่งเครื่องจักรและเครื่องใช้
“ไม่น่าเป็นห่วง เพราะตัวเลขเลิกกิจการแม้จะเพิ่มสูงขึ้น แต่หากเปรียบเทียบกับการขอจัดตั้งธุรกิจ ก็มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากกว่า สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยจะเริ่มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 2 และ 3 ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผลกระทบน้ำท่วมของรัฐบาลให้กับประชาชนและภาคธุรกิจจะทำให้ยอดการขอจดทะเบียนตั้งบริษัททั้งปีดีขึ้นแน่ โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 10% หรือมียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 6 หมื่นรายในปีนี้”นายศิริวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ ส่งผลให้มีจำนวนห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ บริษัทจำกัดคงอยู่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ม.ค.2555 จำนวน 5.04 แสนราย และบริษัทมหาชนคงอยู่ 920 ราย รวมนิติบุคคลอยู่ทั่วประเทศทั้งสิ้น 5.05 แสนราย
