รมว.อุตฯ ลงดูแนวสร้างคันกั้นน้ำรอบนิคมฯ สหรัตนนคร

พระนครศรีอยุธยา - รมว.อุตสาหกรรมพร้อมคณะ ลงพื้นที่ดูแนวก่อสร้างคันกั้นน้ำรอบนิคมฯ สหรัตนนคร พระนครศรีอยุธยา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน แม้บางโรงงานจะมีการย้ายฐานและเลิกกิจการไปบ้างก็ตาม

วันนี้ (1 มี.ค.) นายพงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประยูร ติ่งทอง อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะผู้บริหารการนิคมสหรัตนนคร ได้ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการก่อสร้างแนวเขื่อนกั้นน้ำรอบนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ต.บางพระครู อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ทำการนิคมฯสหรัตนนคร โดยได้ประชุมเรื่องการก่อสร้างเขื่อนรอบนิคมฯ ซึ่งมีพื้นที่ 1,441 ไร่ แบ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป 867 ไร่ เขตที่พักอาศัย 38 ไร่ สาธารณูปโภค 536 ไร่

นายพงษ์สวัสดิ์กล่าวว่า การมาที่ลงดูนิคมฯสหรัตนนครในครั้งนี้ คือ การลงมาดูพื้นที่จริง เพื่อที่จะเตรียมการสร้างเขื่อนคันดิน เพื่อดูว่างบประมาณที่ต้องใช้นั้นใช้มากน้อยขนาดไหน และพิจารณาหาทางเลือกที่มีมากกว่าหนึ่งทางเลือก ในการช่วยเหลือนิคมฯ สหรัตนนครแห่งนี้ให้สามารถดำเนินการได้ต่อไปได้ และป้องกันน้ำท่วมได้ด้วยเป็นวัตถุประสงค์หลัก

สำหรับทางเลือกแรก คือ สร้างคันดินตามแนวเดิมและทางหลวงชนบทก็จะตัดถนนมาทางด้านหน้าก็จะช่วยเสริมแนวคันดินด้านหน้าให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของตัวนิคมฯ โดยใช้ถนนที่เป็นแนวคันกั้น ส่วนด้านหลังนิคมฯ ซึ่งมีโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จะเป็นทางเลือกในการพิจารณาอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ยังยึดหลักคือแนวคันดินเดิม ที่บริษัทที่ปรึกษา บริษัททีมทำขึ้นมาอยู่ในขณะนี้ก่อน ก็ยังเป็นแผนที่หนึ่งอยู่คือเดินหน้าทำแนวเขื่อนคันดินโดยรอบก่อน แล้วค่อยพิจารณาหาทางเลือกใหม่ต่อ

นายพงษ์สวัสดิ์กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผู้ประกอบการโรงงานในนิคมฯสหรัตนนครนี้หลังจากน้ำท่วมแล้ว มีผู้ประกอบการ 3 รายที่ไม่อยู่ประกอบกิจการในนิคมฯแห่งนี้ 1 รายย้ายไปอยู่ที่จังหวัดสระบุรี อีก 1 รายย้ายไปอยู่นิคมฯ บางปะอิน ส่วนอีก 1 รายเลิกกิจการ

“สำหรับสาเหตุผู้ประกอบการที่เลิกกิจการ เนื่องจากเขาประกอบกิจการขาดทุนอยู่ก่อนหน้าแล้ว ถ้ามองในภาพรวม คือ 2 โรงงานที่ย้ายก็ยังอยู่ในประเทศเรา ส่วนที่เหลือคาดว่าเมื่อเขื่อนพร้อมคันดินพร้อมเพื่อสร้างความมั่นใจ คิดว่าน่าจะกลับมาเพราะนิคมฯ สหรัตนนครก็ยังเป็นแหล่งที่จะสามารถเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญอยู่” นายพงษ์สวัสดิ์กล่าว