วายแอลจี ระบุสภาวะตลาดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,732.69 - 1,741.55 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG12 อยู่ที่ 25,730 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 60 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 25,670 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVG12 อยู่ที่ 1,050 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 5 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 1,055 บาท
แนวโน้มวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงอยู่ในกรอบ โดยสถานการณ์ในตลาดทองคำยังทรงตัวหลังจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาชี้นำตลาด ซึ่งยังถือว่ากำลังซื้อของนักลงทุนยังค่อนข้างดี เมื่อราคาอ่อนตัวลงก็เกิดแรงซื้อที่เข้ามาดัน แต่อย่างไรก็ตามการขยับขึ้นของราคาก็เกิดแรงขายทำกำไรเช่นกัน โดยการเคลื่อนไหวของราคาในปัจจุบันนั้นปรับตัวขึ้นในลักษณะค่อยๆขยับขึ้น เนื่องจากประเด็นปัญหาชาติตะวันตกกับอิหร่านได้หนุนให้ราคาทองคำทรงตัวได้ในระดับสูง โดยอิหร่านเตรียมศึกษาแผนระงับส่งออกน้ำมันให้อียูเพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตร อีกทั้งราคาทองคำยังได้รับอิทธิพลของมาตรการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเดือนมกราคม พุ่งขึ้นแตะระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วยังเป็นแรงหนุนกับราคาทองคำอีกทาง โดยวายแอลจีอยากแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในช่วงเวลานี้อย่างมาก เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นที่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแรงขายทำกำไรที่เกิดขึ้นยังถือว่าค่อนข้างน้อยเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีแนวคิดไม่แตกต่างกันว่าราคาทองคำจะยังปรับตัวขึ้นไปได้ท่ามกลางกระแสข่าวที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำหากราคาหลุดบริเวณ 1,727 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาให้ระมัดระวังแรงเทขายที่จะตามกันมา โดยวายแอลจีประเมินแนวรับถัดไปบริเวณ 1,716 -1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำยังคงค่อยๆขยับขึ้นไป ให้จับตาแนวต้านสำคัญในโซน 1,754 - 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,727 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,716 หรือ 1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ทองคำแท่ง (96.50%)แนวรับ 1,727 (25,350บาท) 1,716 (25,190บาท) 1,705 (25,030บาท) แนวต้าน 1,754 (25,750บาท) 1,763 (25,890บาท) 1,770 (25,990บาท)GOLD FUTURES (GFG12)แนวรับ 1,727 (25,510บาท) 1,716 (25,340บาท) 1,705 (25,190บาท) แนวต้าน 1,754 (25,910บาท) 1,763 (26,040บาท) 1,770 (26,140บาท) SILVER FUTURES (SVG12)แนวรับ 32.80 (1,024บาท) 32.05 (1,001บาท) 31.53 (985บาท) แนวต้าน 34.00 (1,061บาท) 34.55 (1,078บาท) 35.01 (1,093บาท)
ด้านโกลเบล็ก รายงาน ราคาทองคำวานนี้ (1ก.พ.55) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยจุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณ 1747.40 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จากการที่ตลาดยังมีความหวังว่าการเจรจาหนี้สินของทางกรีซจะเสร็จสิ้นทันเวลาและจะไม่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ เช่นเดียวกับที่ประชุมผู้นำ EU มีมติรับสนธิสัญญาจัดตั้งกลไลรักษาเสถียรภาพยุโรปหรือ ESM ที่มีวงเงินถึง 5 แสนล้านยูโร ทำให้สกุลเงินยูโรมีการแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า แต่หากการประชุมยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ราคาทองคำอาจมีการปรับตัวลดลง แต่ยังคงแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำปรับลง เนื่องจากการปรับลงของราคาทองคำมองเป็นเพียงการปรับตัวลงในระยะสั้นเพื่อขึ้นต่อ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(2ก.พ.) ยังคงคาดกรอบการลงทุน 1,720-1,752 เหรียญตลอดสัปดาห์นี้ โดยกลยุทธ์ที่เหมาะสมคือย่อแรงให้เข้าซื้อสะสม และขายทำกำไรเมื่อถึงแนวต้าน แต่หากเป็นนักลงทุนระยะยาว เน้นเข้าซื้อเวลาย่อเรื่อยๆ เนื่องจากราคาทองคำกลับตัวมาเป็นขาขึ้นเรียบร้อยแล้ว
แนวโน้มวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงอยู่ในกรอบ โดยสถานการณ์ในตลาดทองคำยังทรงตัวหลังจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาชี้นำตลาด ซึ่งยังถือว่ากำลังซื้อของนักลงทุนยังค่อนข้างดี เมื่อราคาอ่อนตัวลงก็เกิดแรงซื้อที่เข้ามาดัน แต่อย่างไรก็ตามการขยับขึ้นของราคาก็เกิดแรงขายทำกำไรเช่นกัน โดยการเคลื่อนไหวของราคาในปัจจุบันนั้นปรับตัวขึ้นในลักษณะค่อยๆขยับขึ้น เนื่องจากประเด็นปัญหาชาติตะวันตกกับอิหร่านได้หนุนให้ราคาทองคำทรงตัวได้ในระดับสูง โดยอิหร่านเตรียมศึกษาแผนระงับส่งออกน้ำมันให้อียูเพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตร อีกทั้งราคาทองคำยังได้รับอิทธิพลของมาตรการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเดือนมกราคม พุ่งขึ้นแตะระดับ 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วยังเป็นแรงหนุนกับราคาทองคำอีกทาง โดยวายแอลจีอยากแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในช่วงเวลานี้อย่างมาก เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นที่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแรงขายทำกำไรที่เกิดขึ้นยังถือว่าค่อนข้างน้อยเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีแนวคิดไม่แตกต่างกันว่าราคาทองคำจะยังปรับตัวขึ้นไปได้ท่ามกลางกระแสข่าวที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำหากราคาหลุดบริเวณ 1,727 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาให้ระมัดระวังแรงเทขายที่จะตามกันมา โดยวายแอลจีประเมินแนวรับถัดไปบริเวณ 1,716 -1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำยังคงค่อยๆขยับขึ้นไป ให้จับตาแนวต้านสำคัญในโซน 1,754 - 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,727 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณแนวรับ 1,716 หรือ 1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ทองคำแท่ง (96.50%)แนวรับ 1,727 (25,350บาท) 1,716 (25,190บาท) 1,705 (25,030บาท) แนวต้าน 1,754 (25,750บาท) 1,763 (25,890บาท) 1,770 (25,990บาท)GOLD FUTURES (GFG12)แนวรับ 1,727 (25,510บาท) 1,716 (25,340บาท) 1,705 (25,190บาท) แนวต้าน 1,754 (25,910บาท) 1,763 (26,040บาท) 1,770 (26,140บาท) SILVER FUTURES (SVG12)แนวรับ 32.80 (1,024บาท) 32.05 (1,001บาท) 31.53 (985บาท) แนวต้าน 34.00 (1,061บาท) 34.55 (1,078บาท) 35.01 (1,093บาท)
ด้านโกลเบล็ก รายงาน ราคาทองคำวานนี้ (1ก.พ.55) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยจุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณ 1747.40 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ จากการที่ตลาดยังมีความหวังว่าการเจรจาหนี้สินของทางกรีซจะเสร็จสิ้นทันเวลาและจะไม่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ เช่นเดียวกับที่ประชุมผู้นำ EU มีมติรับสนธิสัญญาจัดตั้งกลไลรักษาเสถียรภาพยุโรปหรือ ESM ที่มีวงเงินถึง 5 แสนล้านยูโร ทำให้สกุลเงินยูโรมีการแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า แต่หากการประชุมยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ราคาทองคำอาจมีการปรับตัวลดลง แต่ยังคงแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำปรับลง เนื่องจากการปรับลงของราคาทองคำมองเป็นเพียงการปรับตัวลงในระยะสั้นเพื่อขึ้นต่อ
แนวโน้มราคาทองคำวันนี้(2ก.พ.) ยังคงคาดกรอบการลงทุน 1,720-1,752 เหรียญตลอดสัปดาห์นี้ โดยกลยุทธ์ที่เหมาะสมคือย่อแรงให้เข้าซื้อสะสม และขายทำกำไรเมื่อถึงแนวต้าน แต่หากเป็นนักลงทุนระยะยาว เน้นเข้าซื้อเวลาย่อเรื่อยๆ เนื่องจากราคาทองคำกลับตัวมาเป็นขาขึ้นเรียบร้อยแล้ว