"วายแอลจี"ระบุสภาวะตลาดวันที่ 30 มกราคม 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,726.19 – 1,738.85 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG12 อยู่ที่ 25,640 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 25,670 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVG12 อยู่ที่ 1,044 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 7 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 1,051 บาท
สำหรับแนวโน้มวันที่ 31 มกราคม 2555 ปัจจัยหลักที่เข้ามาสนับสนุนราคาทองคำคงหนีไม่พ้นการ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกกับอิหร่าน และประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % พร้อมกับยืนยันว่า เฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจน ถึงปี 2014 นั้นสร้างความกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นยากที่จะฟื้นตัวขึ้นมาส่งผลให้ค่าเงินสกุลดอลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเช่นกัน ประเด็นเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยพื้นฐานในเชิงบวกต่อราคาทองคำทั้งสิ้นได้ผลักดันให้ราคาทองคำทะยานขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามราคาทองคำมีการอ่อนตัวลงบ้างตามค่าเงินสกุลยูโรหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี, สเปน, เบลเยียม, สโลวีเนีย และไซปรัส โดยระบุว่าประเทศเหล่านี้ไม่มีความยืดหยุ่นทางการเงินมากพอที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้
เบื้องต้น"วายแอลจี"คาดว่าราคาทองคำอาจมีการอ่อนตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,706 หรือ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาไม่หลุดแนวรับดังกล่าว นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยวายแอลจีแนะนำการซื้อเก็งกำไรระยะสั้นบริเวณแนวรับพร้อมทั้งตั้งจุดตัดขาดทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่เกิดแรงเทขายทำกำไรออกมา เพราะอย่างไรก็ตามราคาทองคำปรับตัวขึ้นค่อนข้างรวดเร็วนักลงทุนจึงจำเป็นต้องระมัดระวังในการลงทุนอย่างมาก
**กลยุทธ์การลงทุน** ทาง"วายแอลจี"มีมุมมองว่า แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้น โดยรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,706 หรือ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรทันทีหากราคามีการดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้าน 1,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถผ่านไปได้ให้ชะลอไปปิดสถานะบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุน เพื่อลดความเสียหายในกรณีที่ราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนที่ไม่มีทองคำในมือหรือไม่มีสถานะซื้อในตลาดฟิวเจอร์ส แนะนำให้ทยอยซื้อตามบริเวณแนวรับ 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไปอีกโดยมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ **ทองคำแท่ง (96.50%**)แนวรับ 1,706 (25,160บาท) 1,695 (25,000บาท) 1,680 (24,770บาท) แนวต้าน 1,742 (25,690บาท) 1,754 (25,870บาท) 1,777 (26,210บาท) **GOLD FUTURES (GFG12)**แนวรับ 1,706 (25,330บาท) 1,695 (25,160บาท) 1,680 (24,940บาท) แนวต้าน 1,742 (25,690บาท) 1,754 (25,870บาท) 1,777 (26,210บาท) **SILVER FUTURES (SVG12)** แนวรับ 33.00 (1,030บาท) 32.30 (1,009บาท) 31.85 (995บาท) แนวต้าน 34.10 (1,065บาท) 34.80 (1,086บาท) 35.65 (1,113บาท)
ด้าน "ออสสิริส"มองว่าราคาทองคำสปอตในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับตัวบวกขึ้นต่อไปได้ตามแนวโน้มเดิม โดยยังให้น้ำหนักกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในสหรัฐฯเป็นปัจจัยหลักในการพยุงและผลักดันราคาทองคำโดยอาศัยแรงซื้อจากนักเก็งกำไรให้ปรับตัวบวกขึ้นไปได้ในที่สุด ทั้งนี้ "ออสสิริส" มองว่าการปรับมุมมองนโยบายการเงินของเฟดที่คาดการณ์ภาพเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้ นับเป็นการให้สัญญาในทางอ้อมต่อนักลงทุน ต่อผู้ประกอบการ และต่อประชาชน ว่าจะยังดำเนินนโยบายช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจต่อไปและแปลความหมายได้เป็นความพยายามกดต้นทุนของเงินให้ต่ำลง ซึ่งเมื่อประกอบกับภาพหนี้สินในยุโรปที่ไม่ทวีความรุนแรงขึ้นและไม่แพร่กระจายอย่างชัดเจนแล้ว ก็ส่งผลกดต้นทุนของเงินหรืออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นให้เริ่มหักหัวลงไปได้เป็นอย่างดี
กล่าวโดยสรุปแล้ว "ออสสิริส" ให้น้ำหนักกับอัตราดอกเบี้ย LIBOR ในการกำหนดทิศทางของราคาทองคำในปัจจุบัน โดยให้มุมมองว่าเหตุการณ์ใดๆที่ส่งผลกระทบต่อภาวะสินเชื่อโดยรวมหรือส่งผลกระทบต่อแนวโน้มระดับอัตราดอกเบี้ยโดยทั่วไป จะส่งผลต่อราคาทองคำได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบัน"ออสสิริส"เห็นว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าว จึงมีมุมมองในเชิงบวกต่อราคาทองคำและคาดว่าราคาทองคำจะสามารถแกว่งตัวได้ในกรอบ 1,710-1,762เหรียญ/ออนซ์ สัปดาห์นี้
สำหรับแนวโน้มวันที่ 31 มกราคม 2555 ปัจจัยหลักที่เข้ามาสนับสนุนราคาทองคำคงหนีไม่พ้นการ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกกับอิหร่าน และประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % พร้อมกับยืนยันว่า เฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจน ถึงปี 2014 นั้นสร้างความกังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นยากที่จะฟื้นตัวขึ้นมาส่งผลให้ค่าเงินสกุลดอลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเช่นกัน ประเด็นเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยพื้นฐานในเชิงบวกต่อราคาทองคำทั้งสิ้นได้ผลักดันให้ราคาทองคำทะยานขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามราคาทองคำมีการอ่อนตัวลงบ้างตามค่าเงินสกุลยูโรหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี, สเปน, เบลเยียม, สโลวีเนีย และไซปรัส โดยระบุว่าประเทศเหล่านี้ไม่มีความยืดหยุ่นทางการเงินมากพอที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้
เบื้องต้น"วายแอลจี"คาดว่าราคาทองคำอาจมีการอ่อนตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,706 หรือ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคาไม่หลุดแนวรับดังกล่าว นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยวายแอลจีแนะนำการซื้อเก็งกำไรระยะสั้นบริเวณแนวรับพร้อมทั้งตั้งจุดตัดขาดทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่เกิดแรงเทขายทำกำไรออกมา เพราะอย่างไรก็ตามราคาทองคำปรับตัวขึ้นค่อนข้างรวดเร็วนักลงทุนจึงจำเป็นต้องระมัดระวังในการลงทุนอย่างมาก
**กลยุทธ์การลงทุน** ทาง"วายแอลจี"มีมุมมองว่า แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้น โดยรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,706 หรือ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรทันทีหากราคามีการดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้าน 1,742 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถผ่านไปได้ให้ชะลอไปปิดสถานะบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุน เพื่อลดความเสียหายในกรณีที่ราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนที่ไม่มีทองคำในมือหรือไม่มีสถานะซื้อในตลาดฟิวเจอร์ส แนะนำให้ทยอยซื้อตามบริเวณแนวรับ 1,706 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งหากราคาทองคำอ่อนตัวลงไปอีกโดยมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ **ทองคำแท่ง (96.50%**)แนวรับ 1,706 (25,160บาท) 1,695 (25,000บาท) 1,680 (24,770บาท) แนวต้าน 1,742 (25,690บาท) 1,754 (25,870บาท) 1,777 (26,210บาท) **GOLD FUTURES (GFG12)**แนวรับ 1,706 (25,330บาท) 1,695 (25,160บาท) 1,680 (24,940บาท) แนวต้าน 1,742 (25,690บาท) 1,754 (25,870บาท) 1,777 (26,210บาท) **SILVER FUTURES (SVG12)** แนวรับ 33.00 (1,030บาท) 32.30 (1,009บาท) 31.85 (995บาท) แนวต้าน 34.10 (1,065บาท) 34.80 (1,086บาท) 35.65 (1,113บาท)
ด้าน "ออสสิริส"มองว่าราคาทองคำสปอตในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับตัวบวกขึ้นต่อไปได้ตามแนวโน้มเดิม โดยยังให้น้ำหนักกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในสหรัฐฯเป็นปัจจัยหลักในการพยุงและผลักดันราคาทองคำโดยอาศัยแรงซื้อจากนักเก็งกำไรให้ปรับตัวบวกขึ้นไปได้ในที่สุด ทั้งนี้ "ออสสิริส" มองว่าการปรับมุมมองนโยบายการเงินของเฟดที่คาดการณ์ภาพเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้ นับเป็นการให้สัญญาในทางอ้อมต่อนักลงทุน ต่อผู้ประกอบการ และต่อประชาชน ว่าจะยังดำเนินนโยบายช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจต่อไปและแปลความหมายได้เป็นความพยายามกดต้นทุนของเงินให้ต่ำลง ซึ่งเมื่อประกอบกับภาพหนี้สินในยุโรปที่ไม่ทวีความรุนแรงขึ้นและไม่แพร่กระจายอย่างชัดเจนแล้ว ก็ส่งผลกดต้นทุนของเงินหรืออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นให้เริ่มหักหัวลงไปได้เป็นอย่างดี
กล่าวโดยสรุปแล้ว "ออสสิริส" ให้น้ำหนักกับอัตราดอกเบี้ย LIBOR ในการกำหนดทิศทางของราคาทองคำในปัจจุบัน โดยให้มุมมองว่าเหตุการณ์ใดๆที่ส่งผลกระทบต่อภาวะสินเชื่อโดยรวมหรือส่งผลกระทบต่อแนวโน้มระดับอัตราดอกเบี้ยโดยทั่วไป จะส่งผลต่อราคาทองคำได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบัน"ออสสิริส"เห็นว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าว จึงมีมุมมองในเชิงบวกต่อราคาทองคำและคาดว่าราคาทองคำจะสามารถแกว่งตัวได้ในกรอบ 1,710-1,762เหรียญ/ออนซ์ สัปดาห์นี้