xs
xsm
sm
md
lg

"โต้ง" สั่งลุยขาย ปตท-บินไทย "ธีระชัย" ทิ้งทวนอัดซุกหนี้ซ้ำรอยกรีซ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ขุนคลังคนใหม่สานฝันนโยบายซุกหนี้! "กิตติรัตน์" ประกาศขายหุ้นรัฐวิสาหกิจ ประเดิม "ปตท.-การบินไทย" ภายในปีนี้ อ้างลดหนี้สาธารณะ เรียกความมั่นใจต่างชาติ เผยส่งออก ธ.ค.54 ติดลบ 2% จากผลน้ำท่วม แต่ดีกว่าที่คาดไว้ ด้าน "ธีระชัย" ทิ้งทวนอัดซุกหนี้ซ้ำรอยกรีซ!

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีนโยบายที่จะขายหุ้นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงฯ ถือหุ้นอยู่ เพื่อไม่ให้เป็นรัฐวิสาหกิจและไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ โดยจะเริ่มจากบริษัท ปตท. (PTT) และบริษัทการบินไทย (THAI) โดยจะเป็นการขายหุ้นให้กับกองทุนวายุภักษ์ เพื่อแสดงให้นักลงทุนต่างประเทศเห็นว่าจริงๆ แล้วหนี้สาธารณะของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำมาก

"แม้จะไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนแต่ก็จะพยายามทำให้ได้ภายในปีนี้ ตอนนี้หนี้สาธารณะของไทยจะอยู่ในระดับต่ำ 40% จากกรอบความยังยืนทางการคลัง ก็อยากทำให่ต่างชาติเห็นว่าจริงๆ แล้ว หนี้สาธารณะของประเทศอยู่ต่ำกว่านั้นอีก" นายกิตติรัตน์กล่าวและว่า แม้ว่ามาตรฐานสากลให้นับหนี้ของรัฐวิสาหกิจเป็นหนี้สาธารณะ แต่คลังเห็นว่าหนี้สาธารณะควรนับแต่หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อการขาดดุลงบประมาณ หรือการลงทุนเท่านั้น ส่วนหนี้ของรัฐวิสาหกิจไม่ควรนับเป็นหนี้สาธารณะ เพราะประเทศไทยยังมีรัฐวิสาหกิจจำนวนมาก ไม่เหมือนต่างประเทศที่มีหนี้รัฐวิสาหกิจจำนวนน้อย

การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวสอดรับกับแนวคิด นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ที่ออกมาเสนอให้ขายหุ้น ปตท.และการบินไทยให้กองทุนวายุภักษ์

ด้านนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐวิสาหกิจมีหนี้ 1 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นของบริษัทขนาดใหญ่ เช่น ปตท. การบินไทย และบริษัท การท่าอากาศยานไทย ส่วนการลดสักส่วนการถิอหุ้นรัฐวิสหากิจเป็นเรื่องของนโยบาย
นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า กองทุนวายุภักษ์มีสภาพคล่องประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และพร้อมที่จะเข้าไปซื้อหุ้น ปตท. และการบินไทย แห่งละ 2% เพื่อให้เหลือสัดส่วนที่คลังถืออยู่ 49% ไม่ถือเป็นรัฐวิสาหกิจ

****"ธีระชัย" หวั่นซุกหนี้ซ้ำรอยกรีซ

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง กล่าวในโอกาสอำลาตำแหน่งกับข้าราชการว่า แนวคิดการลดสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจเพื่อลดภาระหนี้สาธารณะนั้น ควรจะต้องศึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากรอบด้าน เพราะแนวทางดังกล่าวเหมือนนำยอดหนี้ไปแปรรูปซ่อนหนี้ ทั้งที่เนื้อหาทางเศรษฐกิจแล้วยังเป็นหนี้สาธารณะอยู่ ดังนั้น อาจทำให้เกิดความกังวลจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ

"มีตัวอย่างให้เห็นกรณีประเทศกรีซ ที่มีข้อกล่าวหาว่านำหนี้สาธารณะไปหลบซ่อนโดยไม่มีการลงบัญชี ดังนั้นเมื่อตลาดขาดความน่าเชื่อถือแล้วการจะฟื้นความเชื่อมั่นคงไม่เร็ว ต้องยึดเนื้อหาเศรษฐกิจ อย่ามองรูปแบบการถือหุ้น แต่ให้ยึดเนื้อหาเศรษฐกิจที่ยังเป็นหนี้สาธารณะ" นายธีระชัยกล่าวและฝากถึง รมว.คลังคนใหม่ที่ควรมีการประสานงานกับสถาบันสำคัญของชาติ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องหาทางทำงานร่วมกันอย่างเหมาะสม ประสานงานในลักษณะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และคิดว่าสถาบันหลักของชาติจะต้องได้รับการกำกับดูแลในลักษณะการให้เกียรติซึ่งกันและกัน.

***ส่งออก ธ.ค.54 ติดลบ 2%

วันเดียวกันนายกิตติรัตน์ยังกล่าวถึงการส่งออกของไทยในเดือน ธ.ค.54 ว่า ติดลบ 2% จากผลกระทบปัญหาอุทกภัยครั้งรุนแรง ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการติดลบที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะก่อนหน้านี้ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ได้ประเมินผลกระทบความเสียหายและความสูญเสียจากเหตุน้ำท่วมไว้ที่ 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในปี 54 เหลือโตเพียง 1.5% หายไป 3% จากระดับปกติ ขณะที่การส่งออก ธ.ค.54 ติดลบเพียง 2% ซึ่งถือว่าดีกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการน้ำ โดยนำการทบทวนแผนบริหารจัดการน้ำของไจก้า และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มาผนวกเป็นแผนแม่บท และรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อสร้างประเทศให้กลับมา ไม่ใช่เพียงแค่การก่อสร้างเท่านั้น แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจัง

นายกิตติรัตน์กล่าวถึงการหารือกับผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีแนวคิดที่จะจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้าในนิคมฯ เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมรอบนิคม ว่า ลูกค้าในนิคมฯอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าว แม้งบประมาณในการสร้างคัน เขื่อนกันน้ำจะใช้เงินลงทุนสูง แต่การที่รัฐบาลวางแนวทางสนับสนุน เช่น การจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การจัดตั้งกองทุนประกันภัยขึ้นมาช่วยในราคาสมเหตุสมผล และรัฐบาลมีการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค ถือว่าเป็นการป้องกันที่ปลอดภัยทางธุรกิจที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น