xs
xsm
sm
md
lg

กบข. เพิ่มเพดานจาก 25% โยกเงินลุยลงทุน ตปท. หวังชนะเงินเฟ้อระยะยาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - กบข. ชูกลยุทธ์ โยกเงินหาผลตอบแทนในต่างประเทศ จ่อเพิ่มเพดานจาก 25% ลุยทั้งอสังหาริมทรัพย์โลก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และสินค้าโภคภัณฑ์ หวังชนะเงินเฟ้อระยะยาว ระบุพร้อมเพิ่มสัดส่วนในหุ้น หากปัจจัยลบส่งสัญญาณบวก คาดดัชนี 1,100 จุด พร้อมเผย ยังไม่มีแผนขายหุ้น IRPC จำนวน 5%ในมือ

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนของกบข.ในปีนี้ จะเน้นลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในประเทศเอเชียและตลาดเกิดใหม่ รวมถึงการลงทุนทางเลือกทั้งในอสังหาริมทรัพย์โลก การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน สินค้าโภคภัณฑ์ และ Private Equity โดยการลงทุนทั้งหมดในต่างประเทศนั้น ในขณะนี้ กบข.เองกำลังศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการขยายวงเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดเพดานเอาไว้ที่ 25% เพื่อให้การลงทุนเหล่านี้มีความคล่องตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ ในการลงทุนในปี 2554 ที่ผ่านมา กบข.ได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจตั้งแต่ในไตรมาสแรก ติดตามความผันผวนของภาวะตลาดเงินตลาดทุนโดยตลอด จึงได้ดำเนินการปรับเพิ่มประสิทธิภาพของระบบบริหารกองทุน โดยปรับโครงสร้างการลงทุนต่างประเทศ เปิดโอกาสให้ กบข.สามารถว่าจ้างผู้จัดการกองทุนได้โดยตรง จากเดิมที่ลงทุนผ่านหน่วยลงทุน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารและลดค่าใช้จ่าย ซึ่งปีที่ผ่านมา กบข.ได้ว่าจ้างผู้จัดการกองทุนต่างประเทศรายใหม่จำนวน 11 ราย นอกจากนี้ กบข. ได้เริ่มลงทุนในสินทรัพย์การลงทุนทางเลือกใหม่ คือ สินค้าโภคภัณฑ์ และคณะกรรมการได้อนุมัติกรอบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โลกและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเริ่มลงทุนในปี 2555

โดยการลงทุนในปี 2554 กบข. มีสินทรัพย์การลงทุนสุทธิ 522,435 ล้านบาท และสร้างผลตอบแทนในระยะยาวตามเป้าหมายได้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี และ 5 ปี เฉลี่ยที่ 6.83% และ 4.85% ต่อปี เทียบกับอัตราเงินเฟ้อย้อนหลังเฉลี่ยที่ระดับ 2.10 % และ 2.80% ต่อปี ตามลำดับ

"ภาพรวมการลงทุนในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และยุโรปเข้าสู่ภาวะชะลอตัวจากปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในกลุ่มสหภาพยุโรป ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็เผชิญกับภาวะชะลอตัวเช่นกันจากการส่งออกซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจโลก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี ส่งผลให้ภาวะตลาดเงิน ตลาดทุนมีความผันผวนสูง ซึ่ง กบข. ได้ดำเนินกลยุทธ์การลงทุนอย่างระมัดระวังและปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว""นางสาวโสภาวดีกล่าว

เลขาธิการกบข.กล่าวอีกว่า ในปีนี้เอง การลงทุนของเราขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆทั้งในและต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะความคืบหน้าเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าผลตอบแทนน่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งยังเป็นบวก และหากตลาดดีผลตอบแทนก็อาจสูงถึงระดับ 8-9% แต่หากวิกฤตรุนแรงก็อาจจะติดลบได้

นายแมน ชุติชูเดช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน กบข.กล่าวว่า ปีนี้ กบข.จะเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกเพิ่มขึ้น และลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วไปอย่างหุ้นและตราสารหนี้เพื่อกระจายความเสี่ยง ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 8% จากปีก่อนที่ 7.9% ซึ่งเท่ากับแผนการจัดสรรการลงทุนระยะยาว 3 ปี (54-56) อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ต่างๆในต่างประเทศโดยเฉพาะการแก้ปัญหาเรื่องวิกฤตหนี้ในยุโรปมีความคืนหน้ามากขึ้น กบข.ก็พร้อมที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยน่าจะเพิ่มเป็น 10% และตลาดหุ้นต่างประเทศที่ 11%

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีนี้ เรามองว่า กรอบการปรับตัวขึ้นของดัชนี SET คงมีไม่มากนัก เนื่องจากในปี 54 ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นมากค่อนข้างมากแล้ว โดยเป้าหมายดัชนี SET ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,100 จุด ทั้งนี้ประเมินว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะเติบโตที่ระดับ 12%

**ยังไม่มีแผนขายหุ้นIRPC**

นางสาวโสภาวดี กล่าวต่อถึงกรณีที่ ปตท. สนใจซื้อหุ้น บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) จากธนาคารออมสินว่า ขณะนี้ กบข.ยังไม่มีแผนขายหุ้นจากปัจจุบันที่ กบข.ถืออยู่ในสัดส่วน 5% เนื่องจากประเมินปัจจัยพื้นฐานของ IRPC ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ดีในอนาคต แต่ก็ยอมรับว่าหากมีจังหวะที่เหมาะสมหรืออยู่ในระดับราคาที่ กบข.สนใจก็อาจจะพิจารณาขายหุ้นออกมาบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการลงทุน ซึ่งก่อนหน้านี้เอง กบข.ก็มีการขายทำกำไรออกไปบ้างแล้ว จากเดิมที่ถืออยู่ทั้งหมด 7%

ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายลดสัดส่วนการถือหุ้นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ทั้ง การบินไทย และ ปตท. ให้ต่ำกว่าร้อยละ 50 นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงานและการลงทุนในต่างประเทศเพราะองค์กรดังกล่าวมีการแข่งขันสูงกับต่างประเทศ นอกจากนี้ เมื่อรัฐบาลปล่อยหุ้นที่ถืออยู่ออกมา จะทำให้มีปริมาณหุ้นในตลาดหลักมากขึ้น สร้างบรรยากาศการซื้อขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีพื้นฐานดี ส่วน กบข. จะเข้าถือหุ้นดังกล่าวหรือไม่จะต้องพิจารณาดูอีกครั้ง

เลขาธิการ กบข. ยังกล่าวถึงการปรับ ครม. และการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ยังอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้ แต่ต้องดูว่าจะมีผลกระทบในระยะสั้นหรือไม่ และจะขอติดตามดูการทำงานของคณะรัฐมนตรีด้วย แต่นักลงทุนสถาบันและรายย่อยต้องการให้นักการเมืองสร้างความปรองดองและต้องการให้นักการเมืองมุ่งเน้นทำสถานการณ์ทางการเมืองให้นิ่ง เพื่อเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนโครงการลงทุนที่จะเกิดขึ้นหลายแสนล้านบาทเพื่อป้องกันน้ำท่วม รัฐบาลควรจะสร้างความโปร่งใสเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ การที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมการลงทุนเพราะเคยดูตลาดหลักทรัพย์มาก่อน จึงน่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้
กำลังโหลดความคิดเห็น