xs
xsm
sm
md
lg

ส่งซิกเอกชนรัดเข็มขัด รับมือปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า รัฐไร้แผน-นักลงทุนเมิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เวทีสัมมนามองเศรษฐกิจปี 2555 ส.อ.ท.“โฆสิต” ส่งสัญญาณให้เอกชนรัดเข็มขัด เหตุปัจจัยเสี่ยงทั้งในและนอกรุมเร้า แถมโจทย์เก่าแรงงานหายาก แพงขึ้น พื้นที่ลงทุนยังอึมครึม คาด ศก.จะโตได้ครึ่งปีหลังลงทุนรัฐกลไกขับเคลื่อนหลัก เอกชนบ่นอุบความชัดเจนแผนจัดการน้ำจากรัฐยังไม่เห็น ลงทุนใหม่อย่าคาดหวัง

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงานเสวนา “ทิศทางกับการฟื้นฟู เศรษฐกิจไทยในปี 2555” ซึ่งจัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วานนี้ (19 ธ.ค.) ว่า ภาวะเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ของไทยจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในปี 2555 โดยคาดว่าครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยอย่างเก่งจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ แต่ไตรมาสแรกมีโอกาสติดลบ และจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังซึ่งมีโอกาส 4-5% หากมาตรการต่างๆ ที่รัฐดำเนินการได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพเพราะการลงทุนของภาครัฐจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

“น้ำท่วมทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้นแต่รายได้หายไป ภาคเอกชนลำบากต้องรัดเข็มขัด ดังนั้น ความพร้อมที่เอกชนจะขับเคลื่อนคงจะยาก และกว่าจะเห็นเอกชนกลับมาเดินเครื่องทั้งหมดจากน้ำท่วมนิคมฯและเขตประกอบการคงเป็นไตรมาส 3 ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจโลกเองปีหน้าก็ชะลอตัวจึงเปรียบเหมือนเรากำลังฝ่าอากาศที่แปรปรวน ท่านทั้งหลายกรุณารัดเข็มขัด อะไรที่ไม่จำเป็นก็ควรจะชะลอไว้การลงทุนก็อย่าทุ่มหมดตัว” นายโฆสิต กล่าว

นอกจาก 2 ปัจจัยหลักแล้วไทยเองยังต้องมองใน 4 วาระที่สำคัญประกอบด้วย คือ 1.ปี 2555 เป็นปีที่เศรษฐกิจต้องพึ่งรัฐบาลดังนั้นโครงการต่างๆ จะต้องดูแลไม่ให้เกิดคอร์รัปชันทำอย่างไรให้ถึงประชาชนในการกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญมากทำได้ดีเท่าไรโอกาสที่จะฝ่าความแปรปรวนก็จะนิ่มนวลมากขึ้น 2.อย่าลืมโจทย์เก่า คือ แรงงานหายาก และค่าแรงสูงขึ้นที่มีบทบาทสูง แม้ว่านักลงทุนจะไม่ย้ายฐานไปไหน แต่ก็จะต้องดูว่าจะขยายงานได้หรือไม่ ซึ่งเอกชนจะต้องเสนอรัฐที่ควรเน้นสร้างพื้นฐานทางปัญญาไม่ใช่แค่พื้นฐานทางเศรษฐกิจอย่างเดียว 3. พื้นที่รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม ซึ่งเห็นว่ามีหลายจังหวัดที่พร้อมในการรองรับเช่น นคราชสีมา ขอนแก่น ซึ่ง ส.อ.ท.ควรจะเป็นแกนนำเรื่องนี้ เพราะจะต้องรีบ 4.มองการผลิตสินค้าให้เป็นซัปพลายเชนให้กับภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น

“อัตราดอกเบี้ยปีหน้าฟันธงยากแต่ก็มีแนวโน้มจะขาลงแม้จะยากอยู่เพราะเงินเฟ้อจะยังสูงอยู่ อัตราแลกเปลี่ยนน่าจะแข็งค่าขึ้น เพราะมีเงินทุนไหลเข้ามานับแสนล้านบาทจากการเคลมประกันภัยน้ำท่วม ภาพรวมจึงยังผันผวนอยู่ซึ่งนโยบายการเงินการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจพิสูจน์แล้วไม่ใช่อย่างที่เชื่อดูสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่างท่านทั้งหลายรับทราบไปก็แล้วกัน” นายโฆสิต กล่าว

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า เอกชนเชื่อว่า ปี 2555 น้ำจะยังมาก แต่แผนจัดการบริหารน้ำที่ชัดเจนจากภาครัฐยังไม่มี และยังกังวลว่า โครงการใหญ่ๆ ที่รัฐจะดำเนินการทั้งเขื่อน ขุดคลอง จะผ่านองค์กรภาคเอกชนหรือเอ็นจีโอหรือไม่ ซึ่งสิ่งนี้สำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน การลงทุนใหม่เมื่อยังหวังไม่ได้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ควรมีมาตรการใหม่ๆ ออกมา

นายศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส.อ.ท.กล่าวว่า การย้ายฐานระยะสั้นคงทำไม่ได้แต่การลงทุนใหม่จากนี้ไปในไทยคงต้องมองเรื่องการกระจายความเสี่ยง ดังนั้นปี 2555 รัฐควรมองและสนใจวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ให้มากขึ้น เพราะเป็นห่วงโซ่การผลิต เป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนหากมีปัญหาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก็กระทบ

นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า พบว่า บริษัทที่ได้รับส่งเสริมฯบีโอไอมี 900 บริษัท หรือเกือบ 2,000 โครงการ มูลค่าลงทุน 7 แสนล้านบาท ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วม และยังไม่ได้รวมถึงผลกระทบทางอ้อมจึงทำให้บีโอไอได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ในการลดภาระและวันที่ 29 ธ.ค.นี้จะประชุมบอร์ดบีโอไอเพื่อพิจารณายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เพิ่มเติม
“อะไรที่เราทำได้ก็ทำแต่การจะไปโรดโชว์เพื่อดึงความเชื่อมั่นเพื่อบอกว่าน้ำปีหน้าไม่ท่วมอีกคงต้องอยู่ที่ภาครัฐ” นายโชคดี กล่าว

น.ส.ลดาวัลย์ คำภา รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ขณะนี้ภาครัฐเองก็มีการเตรียมกรอบในการบริหารจัดการน้ำแล้วทั้งระยะสั้นและยาว ซึ่ง สศช.เป็นกรรมการอยู่ด้วยแต่คงไม่สามารถให้สัญญาได้ว่าน้ำจะไม่ท่วมเลยแต่จะให้รับผลกระทบน้อยสุด

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า เอกชนจะต้องรัดเข็มขัด แต่รัฐบาลต้องทำตรงกันข้ามเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างต่ำต้องขาดดุลเพิ่มสองแสนล้านบาท การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 8 แสนล้านบาท แต่การทำงบขาดดุลจำนวนมากจะต้องมีวิสัยทัศน์และโปร่งใส ดังนั้น น้ำท่วมถ้าจัดการดีๆ น่าจะแก้ได้แต่ปัจจัยเสี่ยง คือ ภายนอกกับการเมืองไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น