ธนาคารกสิกรไทยปรับแผนช่วยฟื้นฟูลูกค้าน้ำท่วม เน้นให้การช่วยเหลือครบวงจรทั้งซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต และผู้บริโภค พร้อมลดภาระดอกเบี้ยและผ่อนชำระรายเดือน ยืดเวลาผ่อน เพิ่มวงเงิน เอสเอ็มอีกู้ดอกเบี้ย 4% นาน 3 ปี คาดไตรมาสสองปีหน้าสู่ภาวะปกติ เร่งผลิตเต็ม 100%
นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า จากปัญหามหาอุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน และภาคธุรกิจที่เป็นตัวกลางสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างกว้างขวาง ซึ่งธนาคารได้ติดต่อและเยี่ยมเยือนลูกค้าเป็นระยะ เพื่อประเมินความเสียหายและหามาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมและทันท่วงทีแก่ลูกค้าแต่ละรายอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าลูกค้ารายเล็กจะสามารถฟื้นฟู และกลับมาดำเนินกิจการปกติได้เร็วกว่าลูกค้ารายใหญ่ที่มีการลงทุนสูงและต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูกิจการที่นานกว่า
ทั้งนี้ การฟื้นฟูของธุรกิจของลูกค้า น่าจะแบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงแรก เป็นช่วงสำรวจความเสียหาย เมื่อน้ำท่วมในบางพื้นที่จะเริ่มลดระดับลงเรื่อย ๆ ลูกค้าสามารถเข้าสำรวจความเสียหายของธุรกิจ อุปกรณ์ เครื่องจักร ทำความสะอาดสถานที่ วางแผนฟื้นฟูกิจการ โดยธนาคารพร้อมเข้าไปสนับสนุนในด้านเงินทุนหมุนเวียนแก่ลูกค้า
ช่วงที่ 2 เป็นช่วงฟื้นฟูกิจการ การซ่อมแซมเครื่องจักร การสั่งซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักรมาติดตั้งทดแทนส่วนที่เสียหายจากภาวะน้ำท่วม การเริ่มสำรองวัตถุดิบ ซึ่งธนาคารฯ พร้อมจะสนับสนุนวงเงินสินเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูธุรกิจลูกค้า ช่วงที่ 3 เป็นช่วงเร่งการผลิตเต็มกำลัง เพื่อชดเชยการผลิตที่หายไปจากช่วงน้ำท่วม ก็จะเป็นช่วงที่ธนาคารให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการค้าเต็มรูปแบบแก่ลูกค้า โดยคาดว่าในไตรมาสสอง ปี 2555 ธุรกิจต่างๆจะสามารถกลับมาผลิตได้เต็มกำลังอีกครั้ง
ทั้งนี้ รูปแบบการสนับสนุนธนาคารกสิกรไทย พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือตลอดวงจรธุรกิจของลูกค้า ทั้งซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต และผู้บริโภคหรือลูกค้า โดยธนาคารไม่ได้กำหนดวงเงินสนับสนุนสินเชื่อของลูกค้าทั้งหมด แต่จะพิจารณาตามความเสียหาย และความจำเป็นทางธุรกิจของลูกค้าแต่ละรายเป็นหลักภายใต้แนวคิด K-Value Chain Solutions นอกจากนี้ธนาคารเสนอวงเงินเพิ่มเติมให้กับคู่ค้าเพียงนำคำสั่งซื้อ (Confirmed Purchase Order) ที่ยังไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ มารับสินเชื่อจากเครือธนาคารด้วยวงเงินสูงสุดถึง 90% เพิ่มเติม และธนาคารจะขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นวงเงินสินเชื่อเป็นเวลา 6 เดือน และต่อเพิ่มได้อีก 6 เดือน หากสถานการณ์ยังไม่กลับสู่สภาพปกติ ส่วนลูกค้าที่ใช้วงเงินสินเชื่อเพื่อการนำเข้า (T/R) หรือวงเงินตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) สามารถต่อตั๋วออกไปได้อีก 6 เดือน โดยไม่ต้องมีเอกสารการสั่งซื้อรองรับการต่ออายุตั๋วสัญญา
นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือเจบิก (JBIC) ตลอดจนร่วมมือกับธนาคารท้องถิ่นในญี่ปุ่นที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารทั้ง 19 แห่ง โดยในปัจจุบันมีธนาคาร 6 แห่งได้ออกมาตรการความช่วยเหลือมาแล้ว สำหรับลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้
ส่วนการช่วยเหลือลูกค้าหลังภาวะน้ำท่วม ในรูปวงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูกิจการ ซ่อมแซมสถานประกอบการ เครื่องจักร หรือเงินช่วยเหลือกรณีสินค้าเสียหาย ระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี และมีระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นนาน 6 เดือน และออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยให้วงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูธุรกิจเอสเอ็มอี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ใน 3 ปีแรก
สำหรับลูกค้าบุคคล ที่ประสบภัยน้ำท่วม กรณีเป็นลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทยสามารถขอรับสินเชื่อบ้านเอนกประสงค์กสิกรไทย ขอเงินกู้เพิ่มสูงสุด 100% ของสินเชื่อบ้านที่ผ่อนชำระไปแล้ว ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ผ่อนสูงสุด 15 ปี อนุมัติวงเงินกู้เบื้องต้น 2 แสนบาทแรก ภายใน 48 ชั่วโมง หรือ ขอสินเชื่อบ้านทวีทรัพย์กสิกรไทยโดยนำบ้านที่ปลอดภาระจำนองมาเปลี่ยนเป็นเงินกู้ โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ผ่อนสูงสุด 15 ปี หรือนำรถที่ปลอดภาระจำนองมาเปลี่ยนเป็นเงินกู้ รับดอกเบี้ย 0% ใน 3 เดือนแรก ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุด 72 เดือน
นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อเงินสดทันใจกสิกรไทย (K-Express Cash) โดยสามารถอนุมัติและรับเงินก้อนเข้าบัญชีทันที่ ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือน และผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทยสามารถขอเพิ่มวงเงินช่วยเหลือพิเศษได้อีก 1 เท่าของรายได้ อนุมัติภายใน 24 ช.ม.
นายกฤษฎา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้พยายามติดต่อลูกค้าแต่ละรายเพื่อสำรวจความต้องการในด้านต่างๆ จากธนาคาร แต่บางรายอาจจะยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เนื่องจากยังอยู่ในภาวะน้ำท่วม ดังนั้นหากลูกค้าต้องการการสนับสนุนจากธนาคารฯ เป็นกรณีพิเศษ สามารถติดต่อธนาคารที่ K-Contact Center 0 2888 8888 สำหรับบุคคล และ K-BIZ Contact Center 0 2888 8822 สำหรับลูกค้าธุรกิจ