ASTVผู้จัดการรายวัน- เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ ยอดรับ รายได้ปีนี้ไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท แจง ดีสุดทำให้ด 8 พันล้านบาท จากปัญหาน้ำท่วม แต่มั่นใจกำไรสุทธิปีนี้ โตกว่า 40-50% จากปีก่อน เหตุ หันผลิตสินค้าต้นน้ำมาร์จิ้นสูง “ผู้บริหาร”เผย เตรียมทบทวนแผนงานปีหน้าใหม่ คาดเสร็จ เดือนหน้า ยัน
นายสามิตต์ ผลิตกรรม รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC เปิดเผยว่า รายได้รวมปีนี้ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่8,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ปีนี้จะมีรายได้ 9,000-10,000 ล้านบาท เนื่องจาก สถานการณ์น้ำท่วมจึงมีผลกระทบทำให้โรงงานของลูกค้าหยุดผลิตทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ แอร์บ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ในด้านกำไรสุทธินั้นจะเติบโตสูงกว่าปีก่อนประมาณ 40-50% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 380 ล้านบาท เพราะ บริษัทได้มีการหันมาผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เองเพิ่ม เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์พลาสติก ชิ้นส่วนเหล็กที่รองรับถังเอ็นจีวี ฯลฯ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง จึงทำให้กำไรของบริษัทเติบโตสูง โดยในช่วง 9 เดือนแรก บริษัท มีกำไรสุทธิ 497 ล้านบาท มีกำไรเพิ่มขึ้น 69% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 294 ล้านบาท
"ในไตรมาส4/54ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งโรงงานของลูกค้าที่ได้รับความเสียหายต้องปิดโรงงานนั้นมี 4 โรงงาน จากที่ลูกค้าของบริษัทที่มีจำนวน 50-60 ราย แต่บริษัทดังกล่าวก็ประสบปัญหาในด้านขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต โดยมีผลกระทบตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาจึงทำให้คาดว่าจะรายได้จะลดลงจากไตรมาส3/54 แต่ยืนยันว่าไตรมาส4/54 เลวร้ายสุดก็ยังไม่มีผลขาดทุน"นายสามิตต์ กล่าว
ทั้งนี้จากสถานการณ์น้ำท่วมทำให้บริษัทต้องมีการทบทวนแผนการดำเนินงานปีหน้าใหม่ หลังจากที่บริษัททำแผนเสร็จแล้ว โดยคาดว่าแผนใหม่จะทำเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ โดยในปีหน้าบริษัทฯ จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยการจับมือกับลูกค้าชาวฝรั่งเศส เพื่อทำการผลิตเครื่องทำน้ำร้อนขายในยุโรป โดยลูกค้ารายดังกล่าวเห็นศักยภาพของบริษัทฯ จึงต้องการให้บริษัทฯ พัฒนสินค้าร่วมกัน ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้ในต้นปีหน้า จำนวน 10,000 เครื่อง ก่อนเพื่อทดลองตลาด และราคาขายเครื่องละ 10,000 บาท และจากนั้นจะเพิ่มปริมาณการผลิต
นายสามิตต์ กล่าวว่า ในเดือนมกราคมปีหน้า คณะกรรมการบริษัท ฯจะมีการประชุมกันเพื่อหารือถึงแนวทางการเพิ่มสภาพคล่องหุ้นของบริษัทฯ โดยจะมีการพิจารณาในเรื่องหุ้นที่บริษัทได้มีการซื้อคืนมาจำนวน 10 ล้านหุ้น ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งเบื้องต้นมี 2 แนวทาง คือ 1. การลดทุน 2.ขายหุ้นออกมาในตลาดเพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจ แต่ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดที่สูงถึง 1,000 ล้านบาท และ บริษัทไม่มีหนี้ จึงมีแนวโน้มที่จะมีการลดทุนจดทะเบียน ซึ่งนักลงทุนจะได้รับผลกตอบแทนที่ดีขึ้น จากกำไรต่อหุ้นสูงขึ้น และ ราคาหุ้นของบริษัทจะดีขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น คือ บริษัท SUGIMOTO METALMANUFACTURING และ นาย MASAYASU MASUDA ชื่อบริษัท เอสเอสเอ็ม ออโตเมชั่น หรือ SSM SSM เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะและเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทโลหะแผ่น เพื่อบุกตลาดยานยนต์แถบอาเซียน โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตในเดือนม.ค. ปีหน้า ตั้งเป้ายอดขาย 300 ล้านบาทในปีแรก และตั้งเป้ายอดขาย 2,300 ล้านบาทภายใน 5 ปี และ หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง บริษัทฯ ก็ยังมีการเจรจากับพันธมิตร จากญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่ค้างอยู้ให้เสร็จ
นายสามิตต์ ผลิตกรรม รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC เปิดเผยว่า รายได้รวมปีนี้ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่8,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ปีนี้จะมีรายได้ 9,000-10,000 ล้านบาท เนื่องจาก สถานการณ์น้ำท่วมจึงมีผลกระทบทำให้โรงงานของลูกค้าหยุดผลิตทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ แอร์บ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ในด้านกำไรสุทธินั้นจะเติบโตสูงกว่าปีก่อนประมาณ 40-50% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 380 ล้านบาท เพราะ บริษัทได้มีการหันมาผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เองเพิ่ม เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์พลาสติก ชิ้นส่วนเหล็กที่รองรับถังเอ็นจีวี ฯลฯ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง จึงทำให้กำไรของบริษัทเติบโตสูง โดยในช่วง 9 เดือนแรก บริษัท มีกำไรสุทธิ 497 ล้านบาท มีกำไรเพิ่มขึ้น 69% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 294 ล้านบาท
"ในไตรมาส4/54ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งโรงงานของลูกค้าที่ได้รับความเสียหายต้องปิดโรงงานนั้นมี 4 โรงงาน จากที่ลูกค้าของบริษัทที่มีจำนวน 50-60 ราย แต่บริษัทดังกล่าวก็ประสบปัญหาในด้านขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต โดยมีผลกระทบตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาจึงทำให้คาดว่าจะรายได้จะลดลงจากไตรมาส3/54 แต่ยืนยันว่าไตรมาส4/54 เลวร้ายสุดก็ยังไม่มีผลขาดทุน"นายสามิตต์ กล่าว
ทั้งนี้จากสถานการณ์น้ำท่วมทำให้บริษัทต้องมีการทบทวนแผนการดำเนินงานปีหน้าใหม่ หลังจากที่บริษัททำแผนเสร็จแล้ว โดยคาดว่าแผนใหม่จะทำเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ โดยในปีหน้าบริษัทฯ จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยการจับมือกับลูกค้าชาวฝรั่งเศส เพื่อทำการผลิตเครื่องทำน้ำร้อนขายในยุโรป โดยลูกค้ารายดังกล่าวเห็นศักยภาพของบริษัทฯ จึงต้องการให้บริษัทฯ พัฒนสินค้าร่วมกัน ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้ในต้นปีหน้า จำนวน 10,000 เครื่อง ก่อนเพื่อทดลองตลาด และราคาขายเครื่องละ 10,000 บาท และจากนั้นจะเพิ่มปริมาณการผลิต
นายสามิตต์ กล่าวว่า ในเดือนมกราคมปีหน้า คณะกรรมการบริษัท ฯจะมีการประชุมกันเพื่อหารือถึงแนวทางการเพิ่มสภาพคล่องหุ้นของบริษัทฯ โดยจะมีการพิจารณาในเรื่องหุ้นที่บริษัทได้มีการซื้อคืนมาจำนวน 10 ล้านหุ้น ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งเบื้องต้นมี 2 แนวทาง คือ 1. การลดทุน 2.ขายหุ้นออกมาในตลาดเพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจ แต่ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดที่สูงถึง 1,000 ล้านบาท และ บริษัทไม่มีหนี้ จึงมีแนวโน้มที่จะมีการลดทุนจดทะเบียน ซึ่งนักลงทุนจะได้รับผลกตอบแทนที่ดีขึ้น จากกำไรต่อหุ้นสูงขึ้น และ ราคาหุ้นของบริษัทจะดีขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน กับพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น คือ บริษัท SUGIMOTO METALMANUFACTURING และ นาย MASAYASU MASUDA ชื่อบริษัท เอสเอสเอ็ม ออโตเมชั่น หรือ SSM SSM เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะและเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทโลหะแผ่น เพื่อบุกตลาดยานยนต์แถบอาเซียน โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตในเดือนม.ค. ปีหน้า ตั้งเป้ายอดขาย 300 ล้านบาทในปีแรก และตั้งเป้ายอดขาย 2,300 ล้านบาทภายใน 5 ปี และ หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง บริษัทฯ ก็ยังมีการเจรจากับพันธมิตร จากญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่ค้างอยู้ให้เสร็จ