2 แบงก์โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 เติบโตต่อเนื่อง "TMB"กำไร 750 ล้าน โต 3.2% รวม 9 เดือน 3 พันล้าน โต 27% และ NIM เพิ่มเป็น 2.49% จาก 2.45% ขณะที่"CIMBT"กำไร 319 ล้าน เพิ่ม 78% แต่งวด 9 เดือน ลด 4.2% จากรายการพิเศษ
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)(TMB)กล่าวว่า ในไตรมาส 3 ธนาคารมีผลการดำเนินงานหลัก ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิ 750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ มีผลกำไรสุทธิรวม 3,041 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยรับ (Net Interest Margin-NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 2.49% เมื่อเทียบกับ 2.45% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 2.03%ในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 ทำให้รายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น 6.1% จากไตรมาส 2/2554 และ 46.5% จากไตรมาส 3/2553 ในขณะที่รายได้หลักที่มิใช่ดอกเบี้ย ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องหรือเพิ่มขึ้น 20.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2554 และ 38.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2553
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว ขณะเดียวกันสินเชื่อคุณภาพก็เติบโตเพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้วซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคาร และมีสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วเงินฝาก (Loan to Deposit & BE Ratio) ที่อยู่ที่ 84% ในไตรมาสนี้
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารมีจำนวน 29,137 ล้านบาท ลดลง 885 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร ณ สิ้นไตรมาสนี้คิดเป็น 6.1%
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองจำนวน 1,747 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2554 และไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว เนื่องจากธนาคารมีนโยบายเชิงระมัดระวัง ในการรับมือกับสถานการณ์การผันผวนของเศรษฐกิจและวิกฤตตลาดเงินของต่างประเทศซึ่งอาจมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ ทั้งนี้ หลังจากตั้งสำรอง ธนาคารมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น 71% จาก 64% ในไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้ ธนาคารมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ที่ 16.9% ซึ่งเป็นกองทุนชั้นที่ 1 ในสัดส่วน 11.7%
CIMBTกำไรQ3เพิ่ม78%
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรสุทธงวดไตรมาส 3 ปี 2554 จำนวน 319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 179 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิจำนวน 856.1 ล้านบาท ลดลง 37.5 ล้านบาท หรือ 4.2%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 893.6 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักจากกำไรพิเศษในปี 2553 จากการขายอาคารสำนักงานใหญ่ที่สาทร และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อย แต่เมื่อเปรียบเทียบโดยหักรายการเหล่านี้ออกแล้ว กำไรจะเพิ่มขึ้น 149.2%
สำหรับรายได้จากการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2554 อยู่ที่ 4.97 พันล้านบาท เทียบงวด 9 เดือน ปี 2553 จำนวน 4.84 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 127.2 ล้านบาท หรือ 2.6% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธินั้นเพิ่มขึ้น 322.8 ล้านบาท หรือ 10.1% สะท้อนจากการขยายสินเชื่อ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 97.9 ล้านบาท หรือ 16.6% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อและรายได้จาก Bancassurance เพิ่มขึ้น
"โดยภาพรวมผลประกอบการออกมาน่าพอใจ จากการขยายตัวของสินเชื่อทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อธุรกิจ ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น จนทำให้รายได้จากการดำเนินงาน 9 เดือนของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งธนาคารจะพยายามรักษาการเติบโตต่อไปเพื่อให้ผลการดำเนินงานทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" นายสุภัคกล่าว
ขณะที่ อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin - NIM) ปรับลดลงจากงวด 9 เดือน ปี 2553 ที่ 3.85% เป็น 3.63% ในงวด 9 เดือน ปี 2554 เนื่องจากการแข่งขันด้านเงินฝากอย่างสูง ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น ประกอบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินเชื่อระยะสั้น ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีรายได้ดอกเบี้ยรับไม่สูง
ด้าน NPL ณ ไตรมาส 3 ปี 2554 อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 3.3% ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2553 อยู่ที่ 2.7% โดยมีสาเหตุหลักจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นในลูกค้าบางรายซึ่งธนาคารได้ดำเนินการแก้ไขลูกหนี้รายดังกล่าวแล้ว
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)(TMB)กล่าวว่า ในไตรมาส 3 ธนาคารมีผลการดำเนินงานหลัก ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิ 750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ มีผลกำไรสุทธิรวม 3,041 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยรับ (Net Interest Margin-NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 2.49% เมื่อเทียบกับ 2.45% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 2.03%ในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 ทำให้รายได้ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น 6.1% จากไตรมาส 2/2554 และ 46.5% จากไตรมาส 3/2553 ในขณะที่รายได้หลักที่มิใช่ดอกเบี้ย ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องหรือเพิ่มขึ้น 20.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2554 และ 38.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2553
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว ขณะเดียวกันสินเชื่อคุณภาพก็เติบโตเพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้วซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคาร และมีสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วเงินฝาก (Loan to Deposit & BE Ratio) ที่อยู่ที่ 84% ในไตรมาสนี้
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารมีจำนวน 29,137 ล้านบาท ลดลง 885 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร ณ สิ้นไตรมาสนี้คิดเป็น 6.1%
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองจำนวน 1,747 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2554 และไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว เนื่องจากธนาคารมีนโยบายเชิงระมัดระวัง ในการรับมือกับสถานการณ์การผันผวนของเศรษฐกิจและวิกฤตตลาดเงินของต่างประเทศซึ่งอาจมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ ทั้งนี้ หลังจากตั้งสำรอง ธนาคารมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น 71% จาก 64% ในไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้ ธนาคารมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ที่ 16.9% ซึ่งเป็นกองทุนชั้นที่ 1 ในสัดส่วน 11.7%
CIMBTกำไรQ3เพิ่ม78%
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรสุทธงวดไตรมาส 3 ปี 2554 จำนวน 319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 179 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิจำนวน 856.1 ล้านบาท ลดลง 37.5 ล้านบาท หรือ 4.2%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 893.6 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักจากกำไรพิเศษในปี 2553 จากการขายอาคารสำนักงานใหญ่ที่สาทร และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อย แต่เมื่อเปรียบเทียบโดยหักรายการเหล่านี้ออกแล้ว กำไรจะเพิ่มขึ้น 149.2%
สำหรับรายได้จากการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2554 อยู่ที่ 4.97 พันล้านบาท เทียบงวด 9 เดือน ปี 2553 จำนวน 4.84 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 127.2 ล้านบาท หรือ 2.6% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธินั้นเพิ่มขึ้น 322.8 ล้านบาท หรือ 10.1% สะท้อนจากการขยายสินเชื่อ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 97.9 ล้านบาท หรือ 16.6% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อและรายได้จาก Bancassurance เพิ่มขึ้น
"โดยภาพรวมผลประกอบการออกมาน่าพอใจ จากการขยายตัวของสินเชื่อทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อธุรกิจ ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น จนทำให้รายได้จากการดำเนินงาน 9 เดือนของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งธนาคารจะพยายามรักษาการเติบโตต่อไปเพื่อให้ผลการดำเนินงานทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" นายสุภัคกล่าว
ขณะที่ อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin - NIM) ปรับลดลงจากงวด 9 เดือน ปี 2553 ที่ 3.85% เป็น 3.63% ในงวด 9 เดือน ปี 2554 เนื่องจากการแข่งขันด้านเงินฝากอย่างสูง ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น ประกอบกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินเชื่อระยะสั้น ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีรายได้ดอกเบี้ยรับไม่สูง
ด้าน NPL ณ ไตรมาส 3 ปี 2554 อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 3.3% ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2553 อยู่ที่ 2.7% โดยมีสาเหตุหลักจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นในลูกค้าบางรายซึ่งธนาคารได้ดำเนินการแก้ไขลูกหนี้รายดังกล่าวแล้ว