หุ้นไทยรีบาวน์ 9 จุด พอร์ตโบรกฯ เข้าซื้อ 1.6 พันล้านบาท รับมติครม.เรื่องมาตรการบ้านหลังแรก และเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท โบรกฯมองว่าตลาดหุ้นยังมีความผันผวน แนะลงทุนให้เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตราการของรัฐ
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (20 ก.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,026.28 จุด เพิ่มขึ้น 9.09 จุด หรือ0.89% มูลค่าการซื้อขาย 19,731.50 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวแตะจุดสูงสุด 1,026.28 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,009.50 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติ และสถาบัน ขายสุทธิ 1,872.17 ล้านบาท และ 403.59 ล้านบาท ซึ่งบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,634.14 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกในประเทศสนับสนุน คือ คณะรัฐมนตรีมีมติออกมาตรการบ้านหลังแรกและเงินเดือนขั้นต่ำ 1.5 หมื่นบาท
โดยหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้เพิ่มขึ้น 253 หลักทรัพย์ ลดลง 194 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 158 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,498.22 ล้านบาท ปิดที่ 119.50 บาท ลดลง 2.50 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย1,476.28 ล้านบาท ปิดที่ 304.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,292.59 ล้านบาท ปิดที่ 310.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,085.79 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท ลดลง 1.00 บาท และ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 925.45 ล้านบาท ปิดที่ 626.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยยังโดนกดดันจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ในยุโรป ซึ่งล่าสุดอิตาลีก็ถูกปรับลดอันดับเครดิตลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีความคาดหวัง และรอติดตามการหารือระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานคงจะมีมาตรการที่เป็นบวกออกมา รวมทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วง 2 วันนี้ ที่คาดว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมาเพิ่มเติม
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในวานนี้ผันผวน แต่ในช่วงบ่ายตลาดกลับมาดีดตัวในแดนบวกจากปัจจัยในประเทศเป็นหลักจากมาตราการบ้านหลังแรก และเงินเดือนขั้นต่ำ 1.5 หมื่นบาท ส่งผลทางจิตวิทยาในการลงทุนและหุ้นที่เกี่ยวข้องประบเพิ่มขึ้น เช่นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้ง ยังได้แรงซื้อจากปัจจัยทางเทคนิคหลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลงค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศทั้งยุโรป และสหรัฐฯ ไม่มีนัยสหคัญเพิ่มเติม ต้องรอติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะมีการออกมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน หากจะลงทุนให้เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตราการของรัฐ แต่ให้เลือกเป็นรายตัว และในระดับที่น่าซื้อลงทุน ทำให้แนวโน้มการลงทุนวันนี้ (21 ก.ย.) ตลาดหุ้นไทยคงจะแกว่งตัวในลักษณะผันผวนต่อเนื่อง และในกรอบแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,005-1,000 จุด ส่วนแนวต้าน 1,030-1,035 จุด
ตลาดหุ้นไทย วานนี้ (20 ก.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,026.28 จุด เพิ่มขึ้น 9.09 จุด หรือ0.89% มูลค่าการซื้อขาย 19,731.50 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวแตะจุดสูงสุด 1,026.28 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,009.50 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติ และสถาบัน ขายสุทธิ 1,872.17 ล้านบาท และ 403.59 ล้านบาท ซึ่งบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,634.14 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกในประเทศสนับสนุน คือ คณะรัฐมนตรีมีมติออกมาตรการบ้านหลังแรกและเงินเดือนขั้นต่ำ 1.5 หมื่นบาท
โดยหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้เพิ่มขึ้น 253 หลักทรัพย์ ลดลง 194 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 158 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,498.22 ล้านบาท ปิดที่ 119.50 บาท ลดลง 2.50 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย1,476.28 ล้านบาท ปิดที่ 304.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,292.59 ล้านบาท ปิดที่ 310.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,085.79 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท ลดลง 1.00 บาท และ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 925.45 ล้านบาท ปิดที่ 626.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยยังโดนกดดันจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้ในยุโรป ซึ่งล่าสุดอิตาลีก็ถูกปรับลดอันดับเครดิตลง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีความคาดหวัง และรอติดตามการหารือระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวานคงจะมีมาตรการที่เป็นบวกออกมา รวมทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วง 2 วันนี้ ที่คาดว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมาเพิ่มเติม
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในวานนี้ผันผวน แต่ในช่วงบ่ายตลาดกลับมาดีดตัวในแดนบวกจากปัจจัยในประเทศเป็นหลักจากมาตราการบ้านหลังแรก และเงินเดือนขั้นต่ำ 1.5 หมื่นบาท ส่งผลทางจิตวิทยาในการลงทุนและหุ้นที่เกี่ยวข้องประบเพิ่มขึ้น เช่นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้ง ยังได้แรงซื้อจากปัจจัยทางเทคนิคหลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลงค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศทั้งยุโรป และสหรัฐฯ ไม่มีนัยสหคัญเพิ่มเติม ต้องรอติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะมีการออกมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน หากจะลงทุนให้เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตราการของรัฐ แต่ให้เลือกเป็นรายตัว และในระดับที่น่าซื้อลงทุน ทำให้แนวโน้มการลงทุนวันนี้ (21 ก.ย.) ตลาดหุ้นไทยคงจะแกว่งตัวในลักษณะผันผวนต่อเนื่อง และในกรอบแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,005-1,000 จุด ส่วนแนวต้าน 1,030-1,035 จุด