สรรพสามิต ยันโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรก ไม่กระทบเปิดเสรีการค้า นัดกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อ ชี้แจงนโยบายที่ชัดเจน-คลายปมข้องใจ พรุ่งนี้ ยันระยะเวลา 1 ปี สามารถตรวจเช็คเจ้าของรถตัวจริงได้แน่นอน
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวยืนยันถึงโครงการคืนเงินรถยนต์คันแรก ว่า ไม่ผิดหลักองค์การการค้าโลก (WTO) เพราะกรมสรรพสามิตไม่ได้ปรับเปลี่ยนอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ แต่คืนเงินให้ประชาชนที่ซื้อรถยนต์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ตามอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ซื้อ หรือไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งในการยื่นขอคืนเงินที่ยังมีความสับสนว่าจะต้องใช้ใบจองรถยนต์มาเป็นเอกสารยืนยัน 1 ใน 7 หลักฐาน ด้วยหรือไม่ จะหารือร่วมกับ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง อีกครั้ง
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวชี้แจงว่า ผู้ที่เข้าร่วมโครงการคืนเงินสำหรับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกของรัฐบาล จะได้รับการคืนเงินในรูปแบบของเช็ค ที่ระบุสั่งจ่ายถึงตัวผู้ซื้อโดยตรง สั่งจ่ายโดยกรมบัญชีกลาง
ส่วนข้อกังวลกรณีผู้ซื้อไม่สามารถแบกรับภาระผ่อนชำระค่างวดรถ เป็นเรื่องที่บริษัทเช่าซื้อหรือลิสซิ่ง ต้องประเมินและตรวจสอบคุณสมบัติ หลักฐานของผู้ซื้ออยู่แล้ว ว่า มีสามารถผ่อนชำระได้หรือไม่ และหากผิดนัดชำระภายหลังได้รับเงินคืนจากรัฐบาล ซึ่งกำหนดเวลา 1 ปี
ทั้งนี้ รัฐบาลเตรียมใช้เงิน 100 ล้านบาท พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสารสนเทศของกรมสรรพสามิต เพื่อรองรับข้อมูลรถยนต์คันแรก เชื่อมโยงสรรพสามิตทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมขนส่งทางบก เพื่อดูข้อมูลผู้มีรถยนต์ ร่วมกับกรมบัญชีกลาง ซึ่งเป็นผู้จ่ายเช็กในการคืนเงินชดเชย
“ยืนยันว่า ระยะเวลา 1 ปี หลังจากการซื้อรถยนต์ สามารถเช็กสภาพความเป็นเจ้าของรถยนต์คันแรกได้อย่างแน่นอน หากใครทุจริตแอบอ้างมาซื้ออีกครั้ง จะถูกตามเช็กบิลเพื่อเรียกเงินคืน เพราะร่วมกับหน่วยงาน สามารถเช็กความเป็นเจ้าของรถยนต์คันแรกได้แน่นอน เนื่องจากหากเป็นเจ้าของรถ จะต้องเสียภาษีประจำปีอยู่แล้ว”
โดยในวันที่ 16 กันยายน 2554 (พรุ่งนี้) กรมได้เชิญสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ชี้แจงแนวทางปฏิบัติ และรับทราบปัญหา โดยเฉพาะการปลดล็อกการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ภายใน 5 ปี กรณีผู้ซื้อไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อได้ภายหลังได้รับการคืนเงิน สำหรับรถยนต์คันแรกไปแล้ว 1 ปี นับจากวันที่ทำสัญญาตกลงซื้อขาย