คลังเรียกผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกระเบียบรถยนต์คันแรก “บุญทรง” เผย เอกสารครบ 7 อย่างอนุมัติเข้าร่วมโครงการได้ทันที มั่นใจเดินหน้าถูกทาง และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดีเดย์เปิดตัวโครงการ 4 ต.ค.นี้ สมาคมธุรกิจเช่าซื้อโวยเสี่ยงสูง ดาวน์ต่ำคืนภาษีสูงลูกค้าส่อทิ้งรถกลางคัน จำเป็นต้องเข้มงวดปล่อยเช่าซื้อ-ปรับเพิ่มเงินดาวน์อีก 10-15% ค่ายรถ “ทาทา” ชี้ กระทบปิกอัพไทย กีดกันเปิดเสรีการค้า “กรณ์” ซัดไม่คุ้มภาษีที่เสียไป!
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้ประกอบรถยนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อและบริษัทประกันภัย มารับฟังถึงระเบียบวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับนโยบายคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดประโยชน์และโอกาสกับพี่น้องประชาชน โดยจะคืนเงินภาษีโดยตรงให้กับผู้ซื้อที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ซึ่งจะเริ่มพิจารณาจากลักฐานการจองซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 และเมื่อสิ้นสุดโครงการ 31 ธันวาคม 2555 จะยึดจากการทำสัญญาซื้อขายกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แล้ว จึงจะมีสิทธิขอคืนภาษี ส่วนการส่งมอบรถยนต์สามารถทำหลังจากนั้นได้
ทั้งนี้ เมื่อผู้ซื้อรถยนต์มีเอกสาร 7 อย่างครบตามที่กำหนดทั้งแบบคำขอคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสัญญาเช่าซื้อ กรณีที่เป็นการเช่าซื้อ สำเนาคู่มือการจดทะเบียน หนังสือยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีและหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ จึงจะสามารถนำมายื่นขอคืนคืนภาษีจากรัฐบาลได้ แต่จะได้รับคืนจริงหลังจาก 1 ปีหลังเป็นกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ไปแล้ว ซึ่งหากเป็นการเช่าซื้อ รัฐบาลจะตีเช็คจ่ายคืนภาษีให้กับผู้ซื้อโดยตรง ไม่ใช่สถาบันการเงินผู้ปล่อยสินเชื่อแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หากผู้ซื้อรถไม่สามารถผ่อนชำระได้ครบตามกำหนด และถูกยึดรถคืน หากกรณีนำรถมาคืนอย่างถูกต้องจะให้สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ช่วยตามทวงภาษีคืนจากผู้ซื้อรถให้ เพื่อแลกกับการปลดล็อคสิทธิการโอนให้ 5 ปี แต่หากเป็นการละทิ้งไปเลยกรมสรรพสามิตก็จะติดตามเรียกเงินภาษีคืนเช่นกัน แต่ยอมรับว่าการคืนภาษีครั้งนี้ ไม่มีกลไกตามภาษีคืน และไม่ค่าปรับเงินเพิ่มเหมือนกับการไม่จ่ายภาษีกรมสรรพากร เพราะมาตรการดังกล่าวไม่ใช่บทบัญญัติทางกฎหมายและไม่ใช่มาตรการภาษี รัฐบาลต้องใช้กฎหมายแพ่งตามฟ้องเรียกภาษีคืนจากผู้ซื้อรถเป็นรายๆ ไป
“เรายืนยันว่า มาตรการดังกล่าวมาถูกทางแล้ว เพราะต้องการให้โอกาสกับคนที่ต้องการเริ่มต้นชีวิต และหากยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นและจะทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้มากขึ้นตามไปด้วย และไม่ได้สวนทางกกับการประหยัดพลังงาน เพราะได้กำหนดที่รถยนต์ประหยัดพลังงาน ประเภทอีโคคาร์ รวมถึงเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 1,500 ซีซี ที่ไมได้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากนัก ซึ่งรัฐบาลจะเปิดตัวโครงการอีกครั้งในวันที่ 4 ตุลาคม” นายบุญทรง กล่าว
บริษัทลิสซิ่งโวยเสี่ยงสูง....
รายงานข่าวจากที่ประชุม ระบุว่า การให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการคืนเงินผู้ซื้อรถคันแรก โดยตัวแทนจากสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยได้แสดงความไม่เห็นด้วย กับแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาลและกรมสรรพสามิต ที่จะคืนเงินให้กับผู้ซื้อรถรถคันแรก หลังจากครบกำหนดภายในปีแรกหมดทันที
“การไม่ได้ศึกษาอย่างรอบคอบ จะเกิดปัญหาตามมามาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมสิทธิ์ และทำให้เกิดการทิ้งรถจำนวนมาก ของผู้ซื้อรถเก๋งขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี หลังจากได้รับคืนเงินภาษีสูงสุดถึงแสนบาทในปีแรกทันที”
ปัจจุบันการเช่าซื้อรถยนต์มีการวางเงินดาวน์ต่ำมาก 5-10% ซึ่งรถยนต์นั่งขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี ราคาอยู่ที่ประมาณ 5-7 แสนบาท ฉะนั้นผู้ซื้อรถจะวางเงินดาวน์กันอยู่ที่ประมาณ 5-8 หมื่นบาทเท่านั้น แต่มาตรการคืนเงินภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก หลังจากซื้อเป็นเวลาครบ 1 ปี จะได้รับเงินภาษีสรรพสามิตคืนสูงสุด 1 แสนบาท ทำให้ผู้ซื้อรถได้รับเงินดาวน์คืนทันทีเพียงแค่ปีแรก และอาจจะมีส่วนต่างเพิ่มด้วย บางรายอาจตัดสินใจทิ้งรถ ด้วยการปล่อยให้บริษัทเช่าซื้อรถหรือไฟแนนซ์ยึดไป
ยังมีปัญหาอีกว่า เมื่อผู้เช่าซื้อทิ้งรถปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดกลับคืน วิธีผ่อนเบาความเสียหายจำเป็นต้องปล่อยขายทอดตลาด แต่จากเงื่อนไขมาตรการคืนเงินผู้ซื้อรถคันแรก ผู้ซื้อจะต้องครอบครองให้ครบ 5 ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนผู้ถือครองได้ ตรงนี้ทำให้ไฟแนนซ์ไม่สามารถขายทอดตลาดได้
“วิธีที่ไฟแนนซ์จะปล่อยรถได้ ต้องนำเงินไปคืนกรมสรรพสามิต ซึ่งทำให้ต้องรับภาระเพิ่ม มาตรการดังกล่าวจึงเป็นความเสี่ยงของผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ วิธีจะลดความเสี่ยงดังกล่าว สรรพสามิตควรนำเงินภาษีที่คืนผ่านทางไฟแนนซ์ แล้วนำมาเป็นส่วนหักลดค่างวดผ่อนรถแทน”
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตยืนยันไม่สามารถส่งเงินให้กับไฟแนนซ์ได้ จะต้องนำเงินคืนให้กับประชาชนผู้ซื้อรถคันแรกเท่านั้น ทำให้ตัวแทนสมาคมธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ แจ้งให้กับตัวแทนรัฐบาลทราบว่า ไฟแนนซ์คงจะต้องมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื้อเช่าซื้อรถตามมาตรการคืนเงินภาษีรถคันแรก และอาจจะต้องเพิ่มเงินดาวน์เช่าซื้ออีก 10-15%
ส่วนผู้ประกอบการรถยนต์ ตัวแทนจาก บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เห็นว่าเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของมาตรการคืนเงินภาษีผู้ซื้อรถคันแรก เพราะเงื่อนไขกำหนดเฉพาะรถผลิตในประเทศเท่านั้น ถือว่าไม่สอดคล้องกับเป้าหมายรัฐบาลที่ต้องการช่วยลดภาระผู้ซื้อรถคันแรก แต่ดูแล้วเป็นการสนับสนุนธุรกิจประกอบรถยนต์ในประเทศมากกว่า
ตัวแทนจาก ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมองว่า เป็นการกีดกันการเปิดเสรีการค้าทางอ้อม เพราะทำให้รถยนต์ขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี ที่นำเข้าจากอาเซียนไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะมีส่วนต่างของราคาที่รัฐบาลไทยสนับสนุนสูงสุดถึง 1 แสนบาท แน่นอนเรื่องนี้คงไม่เป็นที่พอใจของประเทศต่างๆ ในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย หรือมาเลเซีย
“กรณ์” ชี้รถคันแรกไม่คุ้มภาษี
นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.ในฐานะรองนายกฯ เงา ด้านเศรษฐกิจ แถลงหลังประชุม ครม.เงา ว่า ครม.เงา กังวลนโยบายรถคันแรก เพราะการใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาทไปรองรับโครงการคุ้มค่าภาษีประชาชนหรือไม่ เพราะเม็ดเงิน 3 หมื่นล้านบาท ถ้านำมาใช้ชดเชยเพื่อให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าปรับลดลงมาเป็น 20 บาทต่อเที่ยวตามที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้จนบัดนี้ยังไม่ทำ จะเพียงพอให้ประชาชนใช้บริการได้ถึงวันละ 5 แสนคน และได้เป็นระยะเวลาถึง 30 ปี
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้ประกอบรถยนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อและบริษัทประกันภัย มารับฟังถึงระเบียบวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับนโยบายคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดประโยชน์และโอกาสกับพี่น้องประชาชน โดยจะคืนเงินภาษีโดยตรงให้กับผู้ซื้อที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ซึ่งจะเริ่มพิจารณาจากลักฐานการจองซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 และเมื่อสิ้นสุดโครงการ 31 ธันวาคม 2555 จะยึดจากการทำสัญญาซื้อขายกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แล้ว จึงจะมีสิทธิขอคืนภาษี ส่วนการส่งมอบรถยนต์สามารถทำหลังจากนั้นได้
ทั้งนี้ เมื่อผู้ซื้อรถยนต์มีเอกสาร 7 อย่างครบตามที่กำหนดทั้งแบบคำขอคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสัญญาเช่าซื้อ กรณีที่เป็นการเช่าซื้อ สำเนาคู่มือการจดทะเบียน หนังสือยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีและหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ จึงจะสามารถนำมายื่นขอคืนคืนภาษีจากรัฐบาลได้ แต่จะได้รับคืนจริงหลังจาก 1 ปีหลังเป็นกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ไปแล้ว ซึ่งหากเป็นการเช่าซื้อ รัฐบาลจะตีเช็คจ่ายคืนภาษีให้กับผู้ซื้อโดยตรง ไม่ใช่สถาบันการเงินผู้ปล่อยสินเชื่อแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หากผู้ซื้อรถไม่สามารถผ่อนชำระได้ครบตามกำหนด และถูกยึดรถคืน หากกรณีนำรถมาคืนอย่างถูกต้องจะให้สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ช่วยตามทวงภาษีคืนจากผู้ซื้อรถให้ เพื่อแลกกับการปลดล็อคสิทธิการโอนให้ 5 ปี แต่หากเป็นการละทิ้งไปเลยกรมสรรพสามิตก็จะติดตามเรียกเงินภาษีคืนเช่นกัน แต่ยอมรับว่าการคืนภาษีครั้งนี้ ไม่มีกลไกตามภาษีคืน และไม่ค่าปรับเงินเพิ่มเหมือนกับการไม่จ่ายภาษีกรมสรรพากร เพราะมาตรการดังกล่าวไม่ใช่บทบัญญัติทางกฎหมายและไม่ใช่มาตรการภาษี รัฐบาลต้องใช้กฎหมายแพ่งตามฟ้องเรียกภาษีคืนจากผู้ซื้อรถเป็นรายๆ ไป
“เรายืนยันว่า มาตรการดังกล่าวมาถูกทางแล้ว เพราะต้องการให้โอกาสกับคนที่ต้องการเริ่มต้นชีวิต และหากยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นเศรษฐกิจก็จะดีขึ้นและจะทำให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้มากขึ้นตามไปด้วย และไม่ได้สวนทางกกับการประหยัดพลังงาน เพราะได้กำหนดที่รถยนต์ประหยัดพลังงาน ประเภทอีโคคาร์ รวมถึงเครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 1,500 ซีซี ที่ไมได้ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากนัก ซึ่งรัฐบาลจะเปิดตัวโครงการอีกครั้งในวันที่ 4 ตุลาคม” นายบุญทรง กล่าว
บริษัทลิสซิ่งโวยเสี่ยงสูง....
รายงานข่าวจากที่ประชุม ระบุว่า การให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการคืนเงินผู้ซื้อรถคันแรก โดยตัวแทนจากสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยได้แสดงความไม่เห็นด้วย กับแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาลและกรมสรรพสามิต ที่จะคืนเงินให้กับผู้ซื้อรถรถคันแรก หลังจากครบกำหนดภายในปีแรกหมดทันที
“การไม่ได้ศึกษาอย่างรอบคอบ จะเกิดปัญหาตามมามาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมสิทธิ์ และทำให้เกิดการทิ้งรถจำนวนมาก ของผู้ซื้อรถเก๋งขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี หลังจากได้รับคืนเงินภาษีสูงสุดถึงแสนบาทในปีแรกทันที”
ปัจจุบันการเช่าซื้อรถยนต์มีการวางเงินดาวน์ต่ำมาก 5-10% ซึ่งรถยนต์นั่งขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี ราคาอยู่ที่ประมาณ 5-7 แสนบาท ฉะนั้นผู้ซื้อรถจะวางเงินดาวน์กันอยู่ที่ประมาณ 5-8 หมื่นบาทเท่านั้น แต่มาตรการคืนเงินภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก หลังจากซื้อเป็นเวลาครบ 1 ปี จะได้รับเงินภาษีสรรพสามิตคืนสูงสุด 1 แสนบาท ทำให้ผู้ซื้อรถได้รับเงินดาวน์คืนทันทีเพียงแค่ปีแรก และอาจจะมีส่วนต่างเพิ่มด้วย บางรายอาจตัดสินใจทิ้งรถ ด้วยการปล่อยให้บริษัทเช่าซื้อรถหรือไฟแนนซ์ยึดไป
ยังมีปัญหาอีกว่า เมื่อผู้เช่าซื้อทิ้งรถปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดกลับคืน วิธีผ่อนเบาความเสียหายจำเป็นต้องปล่อยขายทอดตลาด แต่จากเงื่อนไขมาตรการคืนเงินผู้ซื้อรถคันแรก ผู้ซื้อจะต้องครอบครองให้ครบ 5 ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนผู้ถือครองได้ ตรงนี้ทำให้ไฟแนนซ์ไม่สามารถขายทอดตลาดได้
“วิธีที่ไฟแนนซ์จะปล่อยรถได้ ต้องนำเงินไปคืนกรมสรรพสามิต ซึ่งทำให้ต้องรับภาระเพิ่ม มาตรการดังกล่าวจึงเป็นความเสี่ยงของผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ วิธีจะลดความเสี่ยงดังกล่าว สรรพสามิตควรนำเงินภาษีที่คืนผ่านทางไฟแนนซ์ แล้วนำมาเป็นส่วนหักลดค่างวดผ่อนรถแทน”
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตยืนยันไม่สามารถส่งเงินให้กับไฟแนนซ์ได้ จะต้องนำเงินคืนให้กับประชาชนผู้ซื้อรถคันแรกเท่านั้น ทำให้ตัวแทนสมาคมธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ แจ้งให้กับตัวแทนรัฐบาลทราบว่า ไฟแนนซ์คงจะต้องมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื้อเช่าซื้อรถตามมาตรการคืนเงินภาษีรถคันแรก และอาจจะต้องเพิ่มเงินดาวน์เช่าซื้ออีก 10-15%
ส่วนผู้ประกอบการรถยนต์ ตัวแทนจาก บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เห็นว่าเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของมาตรการคืนเงินภาษีผู้ซื้อรถคันแรก เพราะเงื่อนไขกำหนดเฉพาะรถผลิตในประเทศเท่านั้น ถือว่าไม่สอดคล้องกับเป้าหมายรัฐบาลที่ต้องการช่วยลดภาระผู้ซื้อรถคันแรก แต่ดูแล้วเป็นการสนับสนุนธุรกิจประกอบรถยนต์ในประเทศมากกว่า
ตัวแทนจาก ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังมองว่า เป็นการกีดกันการเปิดเสรีการค้าทางอ้อม เพราะทำให้รถยนต์ขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี ที่นำเข้าจากอาเซียนไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะมีส่วนต่างของราคาที่รัฐบาลไทยสนับสนุนสูงสุดถึง 1 แสนบาท แน่นอนเรื่องนี้คงไม่เป็นที่พอใจของประเทศต่างๆ ในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย หรือมาเลเซีย
“กรณ์” ชี้รถคันแรกไม่คุ้มภาษี
นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.ในฐานะรองนายกฯ เงา ด้านเศรษฐกิจ แถลงหลังประชุม ครม.เงา ว่า ครม.เงา กังวลนโยบายรถคันแรก เพราะการใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาทไปรองรับโครงการคุ้มค่าภาษีประชาชนหรือไม่ เพราะเม็ดเงิน 3 หมื่นล้านบาท ถ้านำมาใช้ชดเชยเพื่อให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าปรับลดลงมาเป็น 20 บาทต่อเที่ยวตามที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้จนบัดนี้ยังไม่ทำ จะเพียงพอให้ประชาชนใช้บริการได้ถึงวันละ 5 แสนคน และได้เป็นระยะเวลาถึง 30 ปี