“สรรพากร” สรุปสิทธิ์ลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก วงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท ระยะเวลา 5 ปี คาดชง ครม.ได้ในเร็วๆ นี้ “พลังงาน” เร่งคลอดบัตรเครดิตพลังงาน ก่อนปีใหม่ อั้นวงเงิน 2 พันบาท อุ้มกลุ่มแท็กซี่ สามล้อ มอไซค์-รถตู้รับจ้าง ขณะที่ “ธ.ก.ส.” แจงโครงการบัตรเครดิตชาวนาเนื้อหอม เอกชนแห่ซื้อซองประมูลระบบให้บริการกว่า 14 ราย
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงโครงการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก โดยยืนยันว่า ต้องเป็นบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท หักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 300,000 บาท เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ผู้ที่จะได้สิทธิ์ต้องอยู่ในระบบภาษี ที่เป็นผู้ซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้น ทั้งนี้ วงเงิน 300,000 บาท ที่นำมาหักลดหย่อน จะเป็นการทยอยหักลดเป็นระยะเวลา 5 ปี หรือปีละ 60,000 บาท โดยจะนำรายละเอียดเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็วที่สุด
ปัจจุบันพบว่า มีผู้ยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดา ประมาณ 10 ล้านคน มีผู้ยื่นแบบและเสียภาษี จำนวน 2 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะได้สิทธิ์นโยบายบ้านหลังแรก สามารถนำรายจ่ายค่าซื้อบ้านมาหักลดหย่อนได้ในช่วงปลายปี หรือช่วงการยื่นภาษี
กรมสรรพากร คาดการณ์ว่า จากนโยบายนี้จะทำให้รายได้ของกรมฯ หายไปประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในปีงบประมาณ 2554 ที่กำลังจะสิ้นสุดปลายเดือนกันยายน คาดว่า จะสามารถจัดเก็บภาษีได้รวม 1.4-1.5 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ประมาณร้อยละ 20.5
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าบัตรเครดิจพลังงาน โดยระบุว่า ตนเองได้สั่งการให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ไปเร่งศึกษาการออกบัตรเครดิตพลังงานให้กับผู้มีรายได้น้อย คาดว่า จะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ เพื่อให้สามารถออกบัตรเครดิตได้ภายในสิ้นปี 2554 โดยในระยะเริ่มต้นจะให้ ปตท.เป็นแกนหลักในการดำเนินโครงการแทนรัฐบาล เพราะปัจจุบัน ปตท.มีการจำหน่ายพลังงานได้ครอบคลุมทุกประเภท โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ แท็กซี่ สามล้อ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรถตู้สาธารณะ เพื่อให้มีหลักประกันสามารถซื้อพลังงานประเภทต่างๆ เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพได้ ซึ่งผู้ประกอบการที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องก็จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้
ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณานโยบาย เงื่อนไข รายละเอียด และติดตามโครงการนี้ให้เป็นรูปธรรม โดยมีแนวคิด คือ ผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวจะต้องมีบัตรเครดิตพลังงาน 1 ใบต่อ 1 คน ขณะเดียวกัน ก็จะกำหนดว่าต้องชำระคืนภายในกี่เดือน หากผิดนัด ก็จะตัดสิทธิ์บัตรทันที ทำให้เสียโอกาสในการรับการอุดหนุนราคาจากทุกนโยบายของรัฐบาลในอนาคต
“เงื่อนไขบัตรเครดิตเบื้องต้นที่กำหนดไว้ จะออกบัตรเครดิต 1 ใบ ให้กับผู้ประกอบการ 1 คน โดยจะเป็นการระบุชื่อชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของบัตร และจะให้วงเงินต่อเดือนไว้ใช้ เบื้องต้นคาดว่า จะอยู่ที่ 2 พันบาทต่อเดือน ใช้เกินวงเงินไม่ได้ ไม่สามารถสมทบเงินเหลือได้ในเดือนถัดไป สามารถเติมพลังงานได้ประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น เช่น ผู้ประกอบการแท็กซี่ก็สามารถเติมได้เฉพาะเอ็นจีวี”
อย่างไรก็ตาม ในระยะแรก ปตท.จะเป็นผู้นำร่องโครงการและจะเป็นผู้รับภาระทั้งหมดไปบริหารจัดการ แต่ในอนาคตหากมีผู้ค้าน้ำมันเอกชนรายอื่นสนใจร่วมโครงการก็สามารถทำข้อตกลงกับรัฐบาลได้ ซึ่งที่ผ่านมาบางจากก็แสดงความสนใจมาแล้ว
ด้านรายงานข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุว่า ขณะนี้มีเอกชนที่สนใจเข้าซื้อซองประมูลการในการให้บริการระบบงานบัตรเครดิต ในโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร ทั้งสิ้น 14 ราย โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสรุปตัวเลขที่ชัดเจน และในวันที่ 16 กันยายน 2554 นี้ จะเปิดให้เอกสามารถยื่นซองประมูลโครงการ ส่วนวันที่ 29 กันยายน 2554 จะทำการคัดเลือกตัวผู้ให้บริการในโครงการดังกล่าว ก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการ ธ.ก.ส.รับทราบต่อไป
สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือกเบื้องต้น คือ ผู้ที่จะเข้ามาให้บริการจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการให้บริการเกี่ยวกับบัตรเครดิต รวมถึงระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะสามารถรองรับ หากมีการขยายโครงการในอนาคต
ส่วนของคุณสมบัติของบัตรเครดิต เบื้องต้นได้มีการวางแนวคิดไว้ว่า จะไม่คิดค่าออกบัตร ไม่คิดค่าธรรมเนียมรายปี และต้องใช้เพื่อซื้อสินค้า ณ จุดที่กำหนดเท่านั้น โดยในส่วนนี้ ธ.ก.ส. ได้มีการหารือร่วมกับร้านค้าเครือข่ายของโครงการว่าอาจจะให้มีการออกโปรโมชั่น ส่วนลด มีการเก็บสะสมคะแนนเพื่อรับของรางวัล เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันในการจูงใจเกษตรกร
ก่อนหน้านี้ นายลักษณ์ วจนานวัช กรรมการผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า คณะกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติให้ดำเนินการเช่าเหมาบริการระบบงานบัตรเครดิต โดยให้ผู้บริการเป็นผู้ออกแบบระบบ พร้อมจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ให้ธนาคารเช่า เป็นเวลา 3 ปี วงเงินประมาณ 1,008 ล้านบาท