xs
xsm
sm
md
lg

คอนโดฯหรูราคาพุ่ง! บ้านหลังแรกไปไม่ถึง AREA แนะ รบ.ปู เลิกทำบ้านแข่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โจนส์ แลงฯ ย้ำบ้านหลังแรกไม่ส่งผลถึงคอนโดท็อปเอ็นด์ แจงคอนโดท็อปเอ็นด์แข่งขันสูงส่งราคาขายขยับ ผนวกกับต้นทุนพุ่งหลัง รัฐบาลประกาศนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำกระทบต้นทุนก่อสร้าง ด้าน AREA ยื่นหนังสือเสนอข้อคิดเห็นเชิงนโยบายและมาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ถึง“ยิ่งลักษณ์” แนะรัฐบาลส่งเสริมเอกชนเลิกผลิตบ้านแข่ง ระบุตลาดอสังหาฯยังดีไม่จำเป็นต้องกระตุ้นทั้งระบบ ควรเน้นช่วยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ซื้อบ้านหลังแรก ส่งผลให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยชะลอการซื้อเพื่อรอมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐฯ ซึ่งหนึ่งในมาตรการดังกล่าว คือการเสนอดอกเบี้ยเงินกู้ 0% ในช่วงสามปีแรกสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก อย่างไรก็ดี คาดว่ามาตรการต่างๆ ที่จะมีขึ้นอาจไม่มีผลต่อตลาดคอนโดมิเนียมระดับท็อปเอ็นด์

ทั้งนี้ แม้การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการจะมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่คาดว่าราคาคอนโดมิเนียมระดับท็อปเอ็นด์จะยังคงปรับตัวขึ้นต่อไปอีก เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความแข็งแกร่งทางการเงินและยังเชื่อมั่นว่า การปรับขึ้นราคามีความเหมาะสมตามต้นทุนการพัฒนาโครงการและคุณภาพของโครงการที่สูงขึ้น เพราะผู้ซื้อต่างชาติส่งสัญญาณการให้ความสนใจกลับมาซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ หลังการเมืองของไทยเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

***ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำดันต้นทุนการก่อสร้าง
นางสุพินท์ กล่าวว่า ปัจจบันผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหลายรายประกาศเตรียมปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรง ทั้งนี้ เฉพาะราคาเหล็ก ซึ่งนับเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีผลค่อนข้างมากต่อต้นทุนการก่อสร้าง ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแล้วมากถึง 10% ในปีนี้ นอกจากนี้ แผนการปรับค่าแรงขั้นต่ำจะมีผลโดยตรงต่อต้นทุนการก่อสร้างด้วยเช่นกัน

“แผนของรัฐบาลในการปรับค่าจ้างแรงงานรายวันขั้นต่ำขึ้นเป็น 300 บาท จะทำให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมีผลทำให้ราคาคอนโดเนียมโครงการใหม่ต้องปรับเพิ่มขึ้นตาม ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งออกมาคาดการณ์ว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำตามแผนของรัฐฯ จะทำให้ราคาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ขยับเพิ่มขึ้น 5-7%”

***คอนโดท็อปเอ็นด์แข่งขันสูง
นางสุพินท์ กล่าวว่า แม้คอนโดมิเนียมระดับท็อปเอ็นด์จะเป็นตลาดที่มีฐานแคบ และอาจไม่สามารถใช้เป็นดัชนีชี้วัดภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ได้ทั้งหมด แต่มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยพบว่าตลาดมี ความต้องซื้อต่างชาติแม้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง ขณะที่ แรงซื้อจากผู้ซื้อคนไทยยังต่อเนื่อง โดยพบว่าการซื้อคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมา เป็นการซื้อโดยคนไทย ทั้งเพื่ออยู่เองและเพื่อลงทุน

“ในช่วง 3 ปีที่ผ่าน คอนโดท็อปเอ็นด์ที่สร้างเสร็จแล้วบางโครงการมีราคาปรับขึ้น 40% ในขณะที่โครงการเปิดตัวใหม่ มีราคา190,000 — 230,000 บาทต่อตร.ม. เทียบกับปี 2553 ที่มีราคา150,000 — 200,000 บาทต่อตร.ม. โดยเฉพาะในย่านซีบีดี มีราคาขายสูงสุด เพราะเป็นทำเลที่มีที่ดินเหลือน้อย”

ในขณะที่แรงซื้อที่ยังคงมีเข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาขยับขึ้นได้ ต้นทุนที่สูงขึ้นในการพัฒนาโครงการ ซึ่งหลักๆ ได้แก่ ต้นทุนราคาที่ดินและค่าก่อสร้าง เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ผลักดันให้ราคาคอนโดมิเนียมขยับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

ด้านนายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด กล่าวว่า วานนี้ (7ก.ย.)ได้ยื่นหนังสือเสนอข้อคิดเห็นเชิงนโยบายและมาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล

โดย สารระสำคัญของข้อเสนอในหนังสือฉบับดังกล่าวประกอบด้วย การเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลควรส่งเสริมการซื้อที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน โดยรัฐบาลไม่ไปแข่งขันกับภาคเอกชน ทั้งนี้ ผลการประกอบการของบริษัทพัฒนาที่ดินทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ต่างมีผลประกอบการที่ดี ไม่อยู่ในภาวะน่าห่วง ยิ่งกว่านั้นปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยก็ไม่มีปรากฏ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่ต้องกระตุ้นการสร้างที่อยู่อาศัยแต่อย่างใด

นอกจากนี้ รัฐบาลควรมุ่งเน้นสนับสนุนเฉพาะการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยชดเชยภาระดอกเบี้ยเงินกู้ ลดภาษี ค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนองตามสมควร แก่ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 50,000 หน่วยที่เป็นทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง และกำหนดรายได้ของผู้ที่จะได้รับความช่วยเหลือไม่เกิน 20,000-25,000 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น