ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยผลการดำเนินงานรวมของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไตรมาส 2 ดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เหตุรายได้เพิ่มขึ้น26% ส่งผลให้ฐานะการเงินมั่นคงต่อเนื่อง แต่ชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 โดยมีกำไร 2.95% เนื่องจากต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น
สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงาน SET Note Quarterly Corporate Update ไตรมาส 2/2554 พบว่าบจ.มีผลการดำเนินงานดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนจากการมีรายได้การขายและบริการรวมเพิ่มขึ้นถึง 26.15% มาอยู่ที่ระดับ 2,323,230ล้านบาท แม้ว่าต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับสูงขึ้น แต่บจ.ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี จึงทำให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 210,800ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.34% และมีกำไรสุทธิ 175,730ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.65% จากไตรมาส 2/53
โดยบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลประกอบการปรับดีขึ้น ซึ่งมีบริษัทที่มีกำไรถึง 419 บริษัท หรือ 82.81% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 78.71% ในไตรมาส 2/53
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/54บจ.มีกำไรจากการดำเนินงานลดลง 2.95% เนื่องจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทขนาดใหญ่บางบริษัทมีกำไรในรายการพิเศษลดลงจึงทำให้บจ.มีกำไรสุทธิลดลง 15.08% จากไตรมาส 1/54
นอกจากนี้ พบว่าทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรเพิ่มขึ้น และมีเพียงกลุ่มธุรกิจบริการเท่านั้นที่กำไรสุทธิลดลงจากไตรมาส 2/53 ทั้งนี้ มูลค่ากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากราคาขายที่ปรับสูงขึ้นในกลุ่มทรัพยากรและกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และรายได้ค่าธรรมเนียม
ด้านดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของบจ.ในไตรมาส 2/54 พบว่าปรับดีขึ้นจากไตรมาส 2/53 แต่ปรับลดลงจากไตรมาส 1/54 ตามทิศทางของกำไรสุทธิ ขณะที่ฐานะทางการเงินยังคงอยู่ในเกณฑ์มั่นคงและมีระดับสภาพคล่องในการชำระหนี้ทรงตัวในระดับสูง
นอกจากนี้ การใช้เงินสดเพื่อการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรในไตรมาส 2/54 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/53 และไตรมาส 1/54 โดยอยู่ที่ระดับ 90,610ล้านบาท ขณะที่บจ.ใช้เงินเพื่อลงทุนในบริษัทลูก บริษัทร่วม และตราสารทางการเงินในปริมาณลดลง จึงทำให้บจ.มีสภาพคล่องกระแสเงินสดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/53 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/54 พบว่ามีสภาพคล่องลดลงเล็กน้อยเนื่องจากในไตรมาส 2 ของทุกปีเป็นช่วงเวลาการจ่ายเงินปันผลของบจ.
ในไตรมาส 2/54 บจ.ระดมทุนในรูปตราสารทุนรวม 26,698.71 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2/53 และไตรมาส 1/54 แยกเป็นการระดมทุนตลาดแรก (Initial public offering: IPO) 7,666.54 ล้านบาท จากบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่จำนวน 4 บริษัท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้าจดทะเบียนใหม่จำนวน 2 กองทุน ส่วนการระดมทุนในตลาดรอง (Secondary equity offering: SEO) มีมูลค่า 19,032.17 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/53 และไตรมาส 1/54 เนื่องจากในทั้งสองไตรมาสมีการระดมทุนในมูลค่าสูงมากของบริษัทขนาดใหญ่ คือ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และบมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL)
สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงาน SET Note Quarterly Corporate Update ไตรมาส 2/2554 พบว่าบจ.มีผลการดำเนินงานดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนจากการมีรายได้การขายและบริการรวมเพิ่มขึ้นถึง 26.15% มาอยู่ที่ระดับ 2,323,230ล้านบาท แม้ว่าต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับสูงขึ้น แต่บจ.ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี จึงทำให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 210,800ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.34% และมีกำไรสุทธิ 175,730ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.65% จากไตรมาส 2/53
โดยบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลประกอบการปรับดีขึ้น ซึ่งมีบริษัทที่มีกำไรถึง 419 บริษัท หรือ 82.81% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 78.71% ในไตรมาส 2/53
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/54บจ.มีกำไรจากการดำเนินงานลดลง 2.95% เนื่องจากมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทขนาดใหญ่บางบริษัทมีกำไรในรายการพิเศษลดลงจึงทำให้บจ.มีกำไรสุทธิลดลง 15.08% จากไตรมาส 1/54
นอกจากนี้ พบว่าทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรเพิ่มขึ้น และมีเพียงกลุ่มธุรกิจบริการเท่านั้นที่กำไรสุทธิลดลงจากไตรมาส 2/53 ทั้งนี้ มูลค่ากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดจากราคาขายที่ปรับสูงขึ้นในกลุ่มทรัพยากรและกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และรายได้ค่าธรรมเนียม
ด้านดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของบจ.ในไตรมาส 2/54 พบว่าปรับดีขึ้นจากไตรมาส 2/53 แต่ปรับลดลงจากไตรมาส 1/54 ตามทิศทางของกำไรสุทธิ ขณะที่ฐานะทางการเงินยังคงอยู่ในเกณฑ์มั่นคงและมีระดับสภาพคล่องในการชำระหนี้ทรงตัวในระดับสูง
นอกจากนี้ การใช้เงินสดเพื่อการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ถาวรในไตรมาส 2/54 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/53 และไตรมาส 1/54 โดยอยู่ที่ระดับ 90,610ล้านบาท ขณะที่บจ.ใช้เงินเพื่อลงทุนในบริษัทลูก บริษัทร่วม และตราสารทางการเงินในปริมาณลดลง จึงทำให้บจ.มีสภาพคล่องกระแสเงินสดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/53 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/54 พบว่ามีสภาพคล่องลดลงเล็กน้อยเนื่องจากในไตรมาส 2 ของทุกปีเป็นช่วงเวลาการจ่ายเงินปันผลของบจ.
ในไตรมาส 2/54 บจ.ระดมทุนในรูปตราสารทุนรวม 26,698.71 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2/53 และไตรมาส 1/54 แยกเป็นการระดมทุนตลาดแรก (Initial public offering: IPO) 7,666.54 ล้านบาท จากบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่จำนวน 4 บริษัท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้าจดทะเบียนใหม่จำนวน 2 กองทุน ส่วนการระดมทุนในตลาดรอง (Secondary equity offering: SEO) มีมูลค่า 19,032.17 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/53 และไตรมาส 1/54 เนื่องจากในทั้งสองไตรมาสมีการระดมทุนในมูลค่าสูงมากของบริษัทขนาดใหญ่ คือ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และบมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL)
