“ธีระชัย” ปฏิเสธชี้แจงใบสั่งโยก “ปลัดอารีพงศ์-อธิบดีสรรพสามิต” ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนักในกระทรวงสะพัดเตรียมดัน “เบญจา” นั่งเก้าอี้ปลัดแทน พร้อมล้างบาง 3 อธิบดีกรมภาษี เพราะถูกมองเป็นคนของ ปชป. ขณะที่ “พงษ์ภาณุ” หนาวสะท้าน เพราะเป็นคนไปดำเนินการนำเงินจากคดียึดทรัพย์ของ “ทักษิณ” เข้าคลังหลวง
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกระแสข่าวใบสั่งโยกย้ายผู้บริหารของกระทรวง ทั้งปลัดกระทรวงการคลัง และอธิบดีจำนวน 3 กรม โดยปฏิเสธที่จะชี้แจงกรณีดังกล่าว ท่ามกลาวข่าวลือที่แพร่สะพัดอย่างหนักภายในกระทรวง ซึ่งเชื่อกันว่า รัฐบาลชุดนี้ มีเป้าหมายที่จะโยกย้ายนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังคลัง โดยจะโยกให้นางเบญจา หลุยเจริญ รองปลัดกระทรวงการคลัง ขึ้นเป็นปลัดคนใหม่แทน ตามที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลต้องการ
สำหรับสาเหตุที่รัฐบาลชุดนี้ ต้องการโยกย้ายนายอารีพงศ์ เพราะถูกมองว่าตำแหน่งของนายอารีพงศ์เติบโตแบบก้าวกระโดดในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ (ปชป.) สามารถขึ้นมานั่งตำแหน่ง อธิบดีกรมสรรพสามิต แค่ช่วงอายุ 50 ปีเศษ และเพียงปีเดียวก็ได้นั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงการคลัง โดยข้ามหัวข้าราชการรุ่นพี่หลายคน
ขณะที่มองกันว่า นางเบญจาถือว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับคนในรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย เพราะก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารกรมสรรพากร ยุคนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ เป็นอดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่ทำความเห็นว่าการขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวชินวัตร ไม่ต้องเสียภาษี
นอกจากนี้ นางเบญจายังเป็นเพื่อนสนิทกับนางรวิฐา พงศ์นุชิต หรือเจ๊ตุ๋ย (ชื่อเดิมนางไพฑูรย์ พงษ์เกสร) อดีตผู้บริหารกรมสรรพากร ซึ่งได้รับการปูบำเหน็จล่าสุดจากนายนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมทำงานของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (Chief of Staff)
ทั้งนี้ ตามปกติโผการโยกย้ายข้าราชการประจำปีจะเสร็จก่อนสิ่นเดือนสิงหาคมของทุกปี เพื่อให้ข้าราชการมีโอกาสเตรียมพร้อมเข่ารับตำแหน่งใหม่ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนแรกของงบประมาณใหม่
โดยรายงานข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เช้าวันนี้ระบุว่า มีสัญญาณการเมืองหลายประการที่บ่งชี้ว่า คนในรัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับผู้บริหารของกระทรวงการคลังยุคที่เติบโตในยุครัฐบาล ปชป. เห็นได้จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา
การประชุมดังกล่าวมีการตั้งข้อสังเกตว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายคนแทบไม่ฟังหรือไม่ให้ความสำคัญกับตัวปลัดกระทรวงการคลัง และนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ที่เป็นอดีตอธิบดีกรมบัญชีกลาง ซึ่งเป็นคนไปดำเนินการนำเงินจากคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าคลังหลวง พร้อมแนะให้จับตาการโยกย้ายครั้งใหญ่ในหน่วยงานจัดเก็บภาษี ทั้งกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เพื่อปรับทีมผู้บริหารส่วนนี้ทั้งหมด