"บางจาก" นั่งรอดูท่าที "พลังงาน" เคาะมาตรการ "น้ำมัน" ตามที่ รบ.หาเสียงเอาไว้ ก่อนตัดสินใจเพิ่มหัวจ่าย "เบนซิน 91" ตอบรับกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้น คาดแนวโน้ม ปชช. เลิกเติมแก๊สโซฮอล์ แห่กลับมาใช้เบนซิน เพราะอัตราเร่งดี ประหยัดเงิน เพราะสิ้นเปลืองน้อยกว่า "ยิ่งลักษณ์" ดีเดย์ 26 ส.ค.นี้ ถกบอร์ด กพช. นัดแรก เว้นเก็บเงินเบนซิน 91-95 และดีเซล เข้ากองทุนฯ มีผล 1 ก.ย. น้ำมันลดทันที 2.80-7.50 บาท/ลิตร "บิ๊กไฝ" คาดราคาน้ำมันขาลงถึงสิ้นปี
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลเตรียมประกาศลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งน้ำมันดีเซล และเบนซิน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงทันที ตามนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้นั้น มองว่าแนวทางดังกล่าว อาจกระทบต่อการจำหน่ายน้ำมันของปั๊มบางจากโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ 91 และเบนซิน 91 เมื่อลดราคาลงจะทำให้ส่วนต่างของน้ำมันทั้ง 2 ประเภทต่างกันเพียง 23 สตางค์ ขณะที่ แก๊สโซฮอล์ 91 จะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่า เมื่อเทียบกับเบนซิน 91 ในอัตราสูงถึง 1.2 บาทต่อลิตร ทำให้ประชาชนหันมาเลือกเติมเบนซิน 91 เพราะมีการระเหยช้า ทำให้การใช้ได้ยาวนานกว่า และยังให้อัตราเร่งที่ดีกว่า
ปัจจุบัน ประชาชนใช้แก๊สโซฮอล์ถึง 65 ล้านลิตรต่อวัน เบนซิน 15 ล้านลิตรต่อวัน รวมเป็น 80 ล้านลิตรต่อวัน แต่หากประชาชนหันมาเติมเบนซินมากขึ้นจนทำให้ยอดจำหน่ายแก๊สโซฮอล์หายไปร้อยละ 20 คงต้องเปิดหัวจ่ายเบนซินเพิ่มเติม เพื่อรองรับกระแสความต้องการ
"เรื่องนี้ คงต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลให้ชัดเจน และเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว รัฐบาลอาจต้องชดเชยราคาแก๊สโซฮอล์ไปก่อนหรือลดภาษีน้ำมัน เพื่อรักษาระดับลูกค้าไม่ให้เปลี่ยนไปใช้เบนซิน 91 และการใช้แก๊สโซฮอล์ ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง และอ้อย ซึ่งปั๊มบางจากยังให้ความสำคัญสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์ ด้วยการขยายปั๊ม อี85 ให้ได้ 30 แห่ง และปั๊ม อี 20 ให้ได้ 500 แห่งทั่วประเทศ"
ส่วนนโยบายปรับเพิ่มค่าแรง 300 บาทนั้น บางจากจ่ายค่าแรงเกินมาตรฐานขั้นต่ำอยู่แล้ว แต่ก็ขอสนับสนุนเพิ่มค่าแรงให้เด็กปั๊มแม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้น 7 สตางค์ต่อลิตร โดยจะเริ่มปรับในปี 2555 จาก 250 บาท เป็น 300 บาทต่อวัน แต่ต้องเดินหน้าพัฒนาการให้บริการของเด็กปั๊ม นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการใช้บัตรพลังงาน ซึ่งเป็นบัตรเครดิตออกให้โดยสถาบันการเงินต่างๆ เพราะจะอำนวยความสะดวกจากสหกรณ์ และเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสามารถเติมน้ำมันของบางจากสะดวกขึ้น
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในวันที่ 25 สิงหาคม 2554 (พรุ่งนี้) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเรียกประชุมหน่วยงานราชการ เพื่อสั่งการให้ดำเนินนโยบายที่แถลงไว้ตามแผนงาน โดยกระทรวงฯ รอความชัดเจนว่า จะมีการยกเว้นการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประเภทใดบ้าง
โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลออกระบุว่า จะยกเว้นเบนซิน 95 เบนซิน 91 และดีเซล ซึ่งจะต้องเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และมีมติยกเว้นเงินกองทุน หากกำหนดวันชัดเจนจะออกสำรวจสต๊อกน้ำมันเอกชน และขอความมั่นใจว่า จะไม่เกิดปัญหาน้ำมันขาดแคลน
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม2554 นี้ เป็นนัดแรกภายใต้รัฐบาลใหม่ โดยจะพิจารณานโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา คือ การยกเว้นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จากน้ำมันเบนซิน 91 อัตรา 6.70 บาทต่อลิตร , เบนซิน 95 ในอัตรา 7.50 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลในอัตรา 2.80 บาทต่อลิตร
นโยบายยกเว้นเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน จะช่วยลดความเดือดร้อนค่าครองชีพประชาชน โดยจะดำเนินการเรื่องดังกล่าวในระยะสั้น 6-12 เดือน ก่อนจะมีการปรับขึ้นราคาพลังงานให้สะท้อนราคาตลาดโลก หลังจากที่รัฐบาลเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
ทั้งนี้ หลังจากที่บอร์ด กพช.เห็นชอบการลดเก็บเงินดังกล่าวแล้ว ทางกระทรวงพลังงานได้มีการเตรียมความพร้อม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อออกระเบียบรองรับนโยบายทันที และให้มติของ กพช. มีผลในทางปฏิบัติในวันที่ 1 กันยายน 2554 นี้
กระทรวงพลังงานได้ประสานกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ เตรียมความพร้อมเข้าไปตรวจวัดน้ำมันคงค้างในคลังและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ เพื่อหาส่วนต่างของปริมาณในช่วงก่อนและหลังการลดราคา เพื่อที่รัฐจะนำเงินกองทุนน้ำมันฯไปชดเชยให้กับผู้ค้าน้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ภายหลังจากมีการปรับลดราคาตามติของ กพช.
ส่วนการชดเชยราคาพลังงานทดแทนอื่นๆ ที่ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯนั้น จะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯที่มีสถานะเงินทางบัญชีอยู่ที่ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงิน ตามกรอบวงเงิน 2 หมื่นล้านแต่อย่างใด
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีแผนส่งเสริมพลังงานทดแทน ตามแนวทางเบื้องต้น รมว.พลังงาน ได้เร่งรัดให้ศึกษาทั้ง แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (2553-2573) ที่มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานร้อยละ 20 และแผนพลังงานทดแทน 15 ปี (2550-2565) ที่มีเป้าหมายส่งเสริมให้มีสัดส่วนเป็นร้อยละ20 ว่าจะเร่งรัดอย่างไร เพื่อให้ประชาชนประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยเน้นให้ศึกษาว่าจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนเป็นร้อยละ 25 ได้หรือไม่
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลที่จะมีการลงทุนพลังงานทดแทน และส่งเสริมการลงทุนแบลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามนโยบาย “Low Carbon Society” หรือ “สังคมคาร์บอนต่ำ” เป็นเรื่องที่ดี รวมไปถึงการจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ กองทุนสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยรูปแบบทางรัฐคงจะต้องจัดหาเงินมาดำเนินการ และมีจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะมาดูแล เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐฯ โดยระยะเวลาสำรองน้ำมันที่มั่นคงตามหลักสากลส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 90 วัน
นายประเสริฐ ยังกล่าวด้วยว่า กลุ่ม ปตท.ได้ลงทุนพลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแนวทางสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ รวมไปถึงลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลที่นับวันจะหมดลงไป และมีราคาแพง และยังเกิดผลให้ชาวบ้านพึ่งพาพลังงานในท้องถิ่น เกิดสาธารณประโยชน์ และในอนาคต กลุ่ม ปตท.จะดูว่าจะมีการผสมสานเชื่อมโยงธุรกิจพลังงานทดแทนในกลุ่มได้อย่างไร จากที่ขณะนี้แต่ละบริษัทในเครือมีการลงทุนที่แตกต่างกันไป เช่น ปตท.-ไออาร์พีซี ร่วมลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ ปตท.ศึกษาพลังงานใต้พิภพ บางจากฯ ลงทุนไบโอดีเซล-แสงอาทิตย์ ไทยออยล์ ลงทุนเอทานอล เป็นต้น
นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงกรณีกลุ่มกบฏในลิเบียได้รับชัยชนะว่า คาดว่าน้ำมันดิบในลิเบียนหากจะกลับมาส่งออกได้ตามเดิม จากที่มีกำลังผลิต 1.3-1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต้องใช้เวลา 3-6 เดือน และในทางปฏิบัติทางซาอุดีอาระเบีย คงจะลดกำลังผลิตน้ำมัน เพื่อดึงราคาน้ำมันไม่ให้ลดต่ำลงเกินไป นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจยุโรป -สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพราะว่าจะทำให้ความต้องการน้ำมันลดลงหรือไม่ ซึ่ง กลุ่ม ปตท.ได้มีการศึกษาป้องกันเพื่อการขาดทุนสต๊อกอย่างใกล้ชิด มีการซื้อประกันล่วงหน้าทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี โดยผลประกอบการในช่วง 7 เดือน ออกมาดี จึงคาดว่า ช่วง 4 เดือนนี้ที่เหลือของปีนี้จะสามารถบริหารจัดการได้ไม่เกิดผลกระทบหนักเหมือนปี 2551