xs
xsm
sm
md
lg

“ธีระชัย” แถลงนโยบาย 5 ด้านขับเคลื่อน ศก.คาดงานแรกหั่นเป้าเงินเฟ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และทำงานวันแรก ที่ กระทรวงการคลัง
รมว.คลัง พร้อม 2 รมช.เข้ากระทรวงแล้ว ขรก.แห่ต้อนรับ-มอบดอกไม้ คึกคัก นัดถกผู้บริหารวางแนวทางการทำงานทันที เปิดแถลงนโยบาย 5 ด้าน เพื่อขับเคลื่อน ศก.ไทย พร้อมมอบหน่วยงานเกี่ยวข้อง ศึกษาการดำเนินนโยบาย พท.รายงานใน 1 สัปดาห์ เล็งหารือ ธปท.ทบทวนเป้าเงินเฟ้อ

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้ารับหน้าที่แล้ว เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ พร้อมรับมอบดอกไม้แสดงความยินดีจากผู้บริหารระดับสูงและตัวแทนหน่วยงานในกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง อาทิ กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร กรมศุลกากร ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

โดยหลังจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะประชุมกับหัวหน้าหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงนโยบายเร่งด่วนเบื้องต้นที่ต้องดำเนินการทั้งหมด ถึงแนวทางการทำงานหลังจากนี้ แต่ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าฟัง โดยมีกำหนดการที่จะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง ในเวลาเที่ยง เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.00 น.ภายหลังการหารือกับข้าราชการระดับสูง รมว.คลัง ได้เปิดแถลงข่าว โดยกล่าวถึงนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ 5 ด้าน ร่วมกับ 2 รมช.คลัง ดังนี้

1.มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และตามมติคณะรัฐมนตรีในวันที่ 11 สิงหาคม 2554 ในการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยผ่านกรมบัญชีกลาง และการช่วยเหลือทางการเงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินการไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างรวดเร็ว

2.มาตรการด้านการคลัง กระทรวงการคลังจะดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลภายใต้กรอบวินัยทางการคลัง โดยเฉพาะในการปรับปรุงโครงสร้างภาษีทุกประเภทให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมกับทุกภาคส่วนในสังคม และในส่วนของงบลงทุนขนาดใหญ่ กระทรวงการคลังจะมีการประสานกับกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะดำเนินการ เพื่อเรียงลำดับความสำคัญเร่งด่วนให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของประเทศและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

3.มาตรการด้านการเงิน กระทรวงการคลังจะหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลระบบการเงินให้มีความมั่นคง และให้การดำเนินงานของสถาบันการเงิน ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนเป็นไปอย่างโปร่งใส อยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและวินัยทางการเงิน เพื่อให้ทันต่อพลวัตของการเปลี่ยนไปในตลาดเงินของโลก รวมทั้งพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมเกี่ยวกับการดำเนินงานของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF)

4.มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กระทรวงการคลังมีนโยบายใช้มาตรการทางภาษีในการส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิตของผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถรองรับนโยบายรัฐบาลในการปรับเพิ่มค่าตอบแทนรายวัน และค่าตอบแทนรายเดือน

5.มาตรการความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน กระทรวงการคลังมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในด้านเศรษฐกิจ โดยจะจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือภาครัฐและเอกชนในการติดตามภาวะเศรษฐกิจ โดยมี รมว.คลัง เป็นประธานกรรมการ เพื่อติดตามความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมที่จะช่วยกันป้องกันและแก้ไขสภาวะความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็วและสอดคล้องกัน

พร้อมกันนี้ รมว.คลัง ยังได้มอบหมายให้ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลังเตรียมความพร้อมในหลายเรื่อง โดยเฉพาะนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้หาเสียงไว้ เช่น การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล การเพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน บัตรเครดิตเกษตรกรนั้น ได้ขอให้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องแต่ละหน่วยงานนำแต่ละนโยบายไปศึกษา และให้เสนอความคิดเห็นได้อย่างอิสระ โดยยึดหลักความยั่งยืนทางการคลัง

ซึ่งการดำเนินนโยบายของพรรคเพื่อไทยนี้ ตนจะทำหน้าที่ประสานความใฝ่ฝันทางการเมือง และความเป็นไปได้ทางวิชาการ โดยกำหนดให้ศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อให้ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นำมาพิจารณาต่อ ก่อนจะรายงานให้ตนได้รับทราบต่อไป

นายธีระชัย กล่าวว่า ตนเองพร้อมทบทวนกรอบอัตราเงินเฟ้อ หากจะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารนโยบายการเงิน แต่ยืนยันว่า กระทรวงการคลังจะไม่เข้าแทรกแซงการทำงานของ ธปท. ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับนโยบายการคลังของกระทรวงการคลัง ที่ยึดความยั่งยืน การสมดุลระหว่างรายได้กับรายจ่าย ซึ่งช่วงต่อไป อาจมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น แต่จะควบคุมไม่ให้สูงเกินไป โดยการทำงานระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับรัฐมนตรีช่วยขณะนี้ ยังไม่มีการหารือเรื่องการแบ่งงาน

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลัง และสำนักงาน สศค.จัดเตรียมข้อมูลเพื่อเตรียมหารือกับ ธปท.เกี่ยวกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก จากภาวะของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงและความท้าทายเพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับ ธปท.เพื่อวางแผนรับมือ โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ในการติดตามภาวะเศรษฐกิจ โดยมี รมว.คลัง เป็นประธาน ร่วมด้วย ผู้ว่าการ ธปท., ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และภาคเอกชนต่างๆ



กำลังโหลดความคิดเห็น