แบงก์กรุงเทพ อ่อนแรงไตรมาส 2 กำไร 7.4 พันล้าน เพิ่ม 9.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่ม 14.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ขณะที่กรุงไทยสุดปลื้มกำไรสูงสุดรอบ 16 ปี โต 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกรุงศรีฯเพิ่ม 40% พร้อมเร่งรีแบรนดิ้ง
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2554 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 7,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 937 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 619 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิสาหรับงวดครึ่งปีแรกจำนวน 13,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,104 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นมิถุนายน 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 2,011,857 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 2 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 13,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,192 ล้านบาทจากไตรมาส 1 ปี 2554 ตามอัตราดอกเบี้ยและปริมาณธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 2.76% เทียบกับ 2.55% ของไตรมาสก่อนหน้า และ 2.61% ของไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว และธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 4,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว
ด้านสินเชื่อของธนาคาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีจำนวน 1,363,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากสิ้นปี 2553 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความต้องการสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการขยายกิจการ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขณะที่เงินฝากมีจำนวน 1,470,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76,323 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.5% และสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ สิ้นมิถุนายน 2554 มีจานวน 45,288 ล้านบาท คิดเป็น 2.9% ของสินเชื่อรวม
**KTB กำไรสูงสุดรอบ 16 ปี**
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยถึงผลประกอบธนาคารในไตรมาสที่ 2 ปี 2554 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2553 ว่าธนาคารมีกำไรสุทธิ 5,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,868 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55% ปัจจัยหลักเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2,737 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 369 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14% ขณะที่ NIM ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 2.39% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 2.68%
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 2554 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 10,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,282 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 66% โดย ณ 30 มิถุนายน 2554 ธนาคารมียอดสินเชื่อ 1,327,811 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79,970 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% จากสิ้นปี 2553 ด้านยอดเงินฝากมีจำนวน 1,312,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64,336 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากสิ้นปี 2553 และมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ สิ้นเดือนมิถุนาย 2554 จำนวน 67,543 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2553 จำนวน 8,888 ล้านบาท หรือลดลง 12% ทำให้สัดส่วน NPL ลดลงเหลือ 3%
“ธนาคารพอใจกับผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรก ซึ่งธนาคารมีกำไรสูงที่สุดในรอบ 16 ปี ซึ่งผลการดำเนินธุรกิจที่ดีเกินความคาดหมายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ จะเป็นพื้นฐานที่ดีต่อการรองรับการเติบโตในอนาคต”
ก่อนหน้านี้ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 2 แห่งได้ประกาศผลการดำเนินงาน โดย ธนาคารกสิกรไทยและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2554 จำนวน 7,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 19.69% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 42.29% สำหรับกำไรสุทธิงวดแรก ปี 2554 มีจำนวน 13,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 45.23%
และธนาคารไทยพาณิชย์มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2554 ที่ 8.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และครึ่งแรกของปี 2554 ธนาคารมีกำไรสุทธิที่ 21.18 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.2% จากครึ่งแรกของปี 2553
**กรุงศรีฯฟุ้ง NIM4.5%-เร่งรีแบรนดิ้ง**
นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า ในไตรมาส 2 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 1 ขณะที่กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกของปี 2554 มีจำนวน 5.8 พันล้านบาท เพิ่มจากจำนวน 4.2 พันล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมี NIM ที่ระดับ 4.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับระบบ
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของกรุงศรี กรุ๊ป ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของสินทรัพย์ รายได้จากค่าธรรมเนียม ค่าบริการ และการตั้งสำรองที่ลดลงอันเนื่องจากคุณภาพของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารอยู่ในระดับ 4.75% คาดว่า ช่วงไตรมาส 3 จะขายหนี้ออกไปอีกก้อน ก็จะทำให้เอ็นพีแอลปลายนี้อยู่ที่ประมาณ 4%
สำหรับสินเชื่อของธนาคารเพิ่มขึ้น 65.9 พันล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 24 พันล้านบาท หรือ 4% จากปลายปี 2553 ขณะที่การเติบโตของแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้น 85 พันล้านบาท หรือ 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 45 พันล้านบาท หรือ 7% เมื่อเทียบกับปลายปี 2553
นายมาร์ค อาร์โนลด์ กล่าวอีกว่า ธนาคารจะยังไม่ปรับเป้าอัตราการเติบโตด้านสินเชื่อของปีนี้ที่ตั้งไว้ 11% แม้ว่าครึ่งปีแรกสินเชื่อเติบโตเพียง 4% เนื่องจากประเมินว่าสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมจะเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่การระดมเงินทุนการออกตั๋วแลกเงินจะมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางโดยรวมของระบบ
**ทุ่ม 1.8 พันล้านปรับภาพลักษณ์**
นอกจากนี้ ธนาคารยังเปิดตัวแคมเปญ “Make Life Simple เรื่องเงิน เรื่องง่าย” แผนปรับภาพลักษณ์และตำแหน่งทางการตลาด ด้วยแนวคิด One Krungsri โดยรวมธุรกิจในเครือทั้งหมดให้รวมอยู่ในกรุงศรีฯเพียงแบรนด์เดียว รวมถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อลดความซับซ้อนให้การดำเนินธุรกิจ และเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการบริการลูกค้า และปรับภาพลักษณ์ของสาขาใหม่ให้ร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมกันนั้นก็จะต้องเสริมสร้าง-พัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ซึ่งธนาคารจะใช้งบประมาณสำหรับแคมเปญดังกล่าว 1.8 พันล้านบาท
“ในการรีแบรนด์นั้น ภาพลักษณ์ของความเป็นตำนานของแบงก์กรุงศรีฯจะยังคงอยู่ แต่จะมีความร่วมสมัยมากขึ้น โดยเราเริ่มกระบวนการรีแบรนด์มาประมาณ 2 ปีแล้ว จนมาถึงเมื่อต้นปีจนถึงปัจจุบันได้ปรับภาพลักษณ์สาขาไปเรียบร้อยแล้วประมาณ 20% จนถึงสิ้นปีน่าจะเสร็จสิ้น 600 สาขา”
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2554 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 7,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 937 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 619 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิสาหรับงวดครึ่งปีแรกจำนวน 13,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,104 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นมิถุนายน 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 2,011,857 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 2 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 13,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,192 ล้านบาทจากไตรมาส 1 ปี 2554 ตามอัตราดอกเบี้ยและปริมาณธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 2.76% เทียบกับ 2.55% ของไตรมาสก่อนหน้า และ 2.61% ของไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว และธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 4,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว
ด้านสินเชื่อของธนาคาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีจำนวน 1,363,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากสิ้นปี 2553 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความต้องการสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการขยายกิจการ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขณะที่เงินฝากมีจำนวน 1,470,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76,323 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.5% และสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ สิ้นมิถุนายน 2554 มีจานวน 45,288 ล้านบาท คิดเป็น 2.9% ของสินเชื่อรวม
**KTB กำไรสูงสุดรอบ 16 ปี**
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยถึงผลประกอบธนาคารในไตรมาสที่ 2 ปี 2554 เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2553 ว่าธนาคารมีกำไรสุทธิ 5,241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,868 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55% ปัจจัยหลักเกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2,737 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 369 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14% ขณะที่ NIM ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 2.39% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 2.68%
ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 2554 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 10,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,282 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 66% โดย ณ 30 มิถุนายน 2554 ธนาคารมียอดสินเชื่อ 1,327,811 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79,970 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% จากสิ้นปี 2553 ด้านยอดเงินฝากมีจำนวน 1,312,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64,336 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากสิ้นปี 2553 และมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ สิ้นเดือนมิถุนาย 2554 จำนวน 67,543 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2553 จำนวน 8,888 ล้านบาท หรือลดลง 12% ทำให้สัดส่วน NPL ลดลงเหลือ 3%
“ธนาคารพอใจกับผลประกอบการในงวดครึ่งปีแรก ซึ่งธนาคารมีกำไรสูงที่สุดในรอบ 16 ปี ซึ่งผลการดำเนินธุรกิจที่ดีเกินความคาดหมายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ จะเป็นพื้นฐานที่ดีต่อการรองรับการเติบโตในอนาคต”
ก่อนหน้านี้ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 2 แห่งได้ประกาศผลการดำเนินงาน โดย ธนาคารกสิกรไทยและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2554 จำนวน 7,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 19.69% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 42.29% สำหรับกำไรสุทธิงวดแรก ปี 2554 มีจำนวน 13,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 45.23%
และธนาคารไทยพาณิชย์มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2554 ที่ 8.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และครึ่งแรกของปี 2554 ธนาคารมีกำไรสุทธิที่ 21.18 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.2% จากครึ่งแรกของปี 2553
**กรุงศรีฯฟุ้ง NIM4.5%-เร่งรีแบรนดิ้ง**
นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า ในไตรมาส 2 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 1 ขณะที่กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกของปี 2554 มีจำนวน 5.8 พันล้านบาท เพิ่มจากจำนวน 4.2 พันล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมี NIM ที่ระดับ 4.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับระบบ
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของกรุงศรี กรุ๊ป ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของสินทรัพย์ รายได้จากค่าธรรมเนียม ค่าบริการ และการตั้งสำรองที่ลดลงอันเนื่องจากคุณภาพของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารอยู่ในระดับ 4.75% คาดว่า ช่วงไตรมาส 3 จะขายหนี้ออกไปอีกก้อน ก็จะทำให้เอ็นพีแอลปลายนี้อยู่ที่ประมาณ 4%
สำหรับสินเชื่อของธนาคารเพิ่มขึ้น 65.9 พันล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 24 พันล้านบาท หรือ 4% จากปลายปี 2553 ขณะที่การเติบโตของแหล่งเงินทุนเพิ่มขึ้น 85 พันล้านบาท หรือ 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 45 พันล้านบาท หรือ 7% เมื่อเทียบกับปลายปี 2553
นายมาร์ค อาร์โนลด์ กล่าวอีกว่า ธนาคารจะยังไม่ปรับเป้าอัตราการเติบโตด้านสินเชื่อของปีนี้ที่ตั้งไว้ 11% แม้ว่าครึ่งปีแรกสินเชื่อเติบโตเพียง 4% เนื่องจากประเมินว่าสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมจะเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่การระดมเงินทุนการออกตั๋วแลกเงินจะมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามทิศทางโดยรวมของระบบ
**ทุ่ม 1.8 พันล้านปรับภาพลักษณ์**
นอกจากนี้ ธนาคารยังเปิดตัวแคมเปญ “Make Life Simple เรื่องเงิน เรื่องง่าย” แผนปรับภาพลักษณ์และตำแหน่งทางการตลาด ด้วยแนวคิด One Krungsri โดยรวมธุรกิจในเครือทั้งหมดให้รวมอยู่ในกรุงศรีฯเพียงแบรนด์เดียว รวมถึงการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เพื่อลดความซับซ้อนให้การดำเนินธุรกิจ และเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการบริการลูกค้า และปรับภาพลักษณ์ของสาขาใหม่ให้ร่วมสมัยมากขึ้น พร้อมกันนั้นก็จะต้องเสริมสร้าง-พัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ซึ่งธนาคารจะใช้งบประมาณสำหรับแคมเปญดังกล่าว 1.8 พันล้านบาท
“ในการรีแบรนด์นั้น ภาพลักษณ์ของความเป็นตำนานของแบงก์กรุงศรีฯจะยังคงอยู่ แต่จะมีความร่วมสมัยมากขึ้น โดยเราเริ่มกระบวนการรีแบรนด์มาประมาณ 2 ปีแล้ว จนมาถึงเมื่อต้นปีจนถึงปัจจุบันได้ปรับภาพลักษณ์สาขาไปเรียบร้อยแล้วประมาณ 20% จนถึงสิ้นปีน่าจะเสร็จสิ้น 600 สาขา”