ASTVผู้จัดการรายวัน - นายแบงก์วิพากษ์นโยบายรัฐ "สินเชื่อบ้าน0%-รีไฟแนนซ์บัตร"ทำได้ แต่ต้องเคร่งครัดเกณฑ์ปล่อยกู้ หากปล่อยได้-เก็บคืนไม่ได้ กระทบฐานะคลัง ฝากดูแล 3 เรื่อง "การเมืองสงบ-ต้นทุนธุรกิจพุ่ง-สาธารณูปโภคพื้นฐาน"
นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ว่า รัฐบาลควรจะบริหารการเงิน-การคลังด้วยความสุขุมรอบคอบ ซึ่งนโยบายที่รัฐออกมาไม่ว่าเป็นกรณีสินเชื่อบ้านหลังแรกดอกเบี้ย 0% 2ปี หรือรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตดอกเบี้ย 10%นั้น ก็เป็นผลดีต่อประชาชน แต่สิ่งที่สำคัญการพิจารณาสินเชื่อจะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด เพราะมิฉะนั้นหากเกิดความเสียหายก็จะกระทบฐานะทางการคลังได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะดูแลระบบการเงินได้ หลังจากที่มีประสบการณ์วิกฤติเศรษฐกิจมาแล้วไม่ว่าเป็นวิกฤติต้มยำกุ้ง หรือวิกฤติแฮมเบอเกอร์ คงจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก โดยต้องพยายามดูแลควบคุมให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินธุรกิจให้อยู่กรอบ
"เรื่องการเงินจะเร่งรัดไม่ได้ ต้องทำงานอย่างรอบคอบ ตอนประกาศออกมาทางรัฐบาลก็ได้ประโยชน์แล้ว ดังนั้น พอทำจริงก็อย่าปล่อยปละละเลยหลักการ ปล่อยได้แย่ ก็ต้องเก็บคืนให้ได้ด้วย เพราะนั่นคือเงินภาษีของประชาชนเหมือนกัน"
สำหรับนโยบายของทางการที่ออกมานั้น ก็ต้องยอมรับว่าทำให้การดำเนินธุรกิจของธนาคารมีความยากลำบากขึ้น แต่ธนาคารก็ไม่กลัวที่จะมีการแข่งขัน เพราะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ด้วย แต่นโยบายของรัฐก็ควรคำนึงความสมดุลคือให้ประโยชน์กับประชาชน แต่ก็ต้องให้เอกชนทำธุรกิจได้ด้วย
เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์-พนง.
นายวีระพันธุ์กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้น ผลงานที่ออกมาก็นำว่ามีการเติบโตในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบขนาดของธนาคารที่ไม่เล็กและใหญ่เกินไป แต่ก็จะต้องมีการพัฒนาในอีกหลายๆด้าน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และพนักงานของธนาคาร เพื่อให้ทันกับนวัตกรรมใหม่ๆ ส่วนการซื้อธุรกิจเข้ามานั้น หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ซื้อธุรกิจเข้ามาพอสมควรแล้ว ในช่วงต่อไปนี้จึงน่าจะเป็นช่วงที่จะเติบโตได้ด้วยตัวเองแล้ว
"เราพอใจแล้วกับการเป็นธนาคารพาณิชย์อันดับที่ 5 ซึ่งก็ไม่กังวลอะไรหากใครจะขึ้นมาแทนที่ระดับนี้ มันไม่ใช่เรื่องลำดับอย่างเดียว อยู่ที่ผลงานที่ออกมามากกว่า ด้านการแข่งขันกันดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ก็คงจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราต้องปรับตัว แต่ก็ต้องดูที่แนวทางการแข่งขันด้วย ไม่ใช่เรื่องราคาอย่างเดียว กลัวว่าแข่งกันมากๆแล้วก็พากันตกเขาไป"
กสิกรฯฝาก3โจทย์รัฐบาลใหม่
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) กล่าวว่า สิ่งที่จะขอฝากให้รัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้มี 3 เรื่องด้วยกันคือ1.ดูแลทางด้านการเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ 2.แก้โจทย์เศรษฐกิจทางด้านต้นทุนธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปภายหลังเลิกนโยบายอุดหนุนของรัฐบาล อาทิ อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อต้นทุนธุรกิจให้เพิ่มขึ้น 3-4%
และเรื่องที่ 3.โครงการลงทุนระยะยาว เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจรองรับการแข่งขันที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตหลังจากมีการเปิดเสรีด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านลอจิสติก เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง
นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ว่า รัฐบาลควรจะบริหารการเงิน-การคลังด้วยความสุขุมรอบคอบ ซึ่งนโยบายที่รัฐออกมาไม่ว่าเป็นกรณีสินเชื่อบ้านหลังแรกดอกเบี้ย 0% 2ปี หรือรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตดอกเบี้ย 10%นั้น ก็เป็นผลดีต่อประชาชน แต่สิ่งที่สำคัญการพิจารณาสินเชื่อจะต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด เพราะมิฉะนั้นหากเกิดความเสียหายก็จะกระทบฐานะทางการคลังได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะดูแลระบบการเงินได้ หลังจากที่มีประสบการณ์วิกฤติเศรษฐกิจมาแล้วไม่ว่าเป็นวิกฤติต้มยำกุ้ง หรือวิกฤติแฮมเบอเกอร์ คงจะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก โดยต้องพยายามดูแลควบคุมให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินธุรกิจให้อยู่กรอบ
"เรื่องการเงินจะเร่งรัดไม่ได้ ต้องทำงานอย่างรอบคอบ ตอนประกาศออกมาทางรัฐบาลก็ได้ประโยชน์แล้ว ดังนั้น พอทำจริงก็อย่าปล่อยปละละเลยหลักการ ปล่อยได้แย่ ก็ต้องเก็บคืนให้ได้ด้วย เพราะนั่นคือเงินภาษีของประชาชนเหมือนกัน"
สำหรับนโยบายของทางการที่ออกมานั้น ก็ต้องยอมรับว่าทำให้การดำเนินธุรกิจของธนาคารมีความยากลำบากขึ้น แต่ธนาคารก็ไม่กลัวที่จะมีการแข่งขัน เพราะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ด้วย แต่นโยบายของรัฐก็ควรคำนึงความสมดุลคือให้ประโยชน์กับประชาชน แต่ก็ต้องให้เอกชนทำธุรกิจได้ด้วย
เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์-พนง.
นายวีระพันธุ์กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้น ผลงานที่ออกมาก็นำว่ามีการเติบโตในระดับที่น่าพอใจเมื่อเทียบขนาดของธนาคารที่ไม่เล็กและใหญ่เกินไป แต่ก็จะต้องมีการพัฒนาในอีกหลายๆด้าน ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และพนักงานของธนาคาร เพื่อให้ทันกับนวัตกรรมใหม่ๆ ส่วนการซื้อธุรกิจเข้ามานั้น หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้ซื้อธุรกิจเข้ามาพอสมควรแล้ว ในช่วงต่อไปนี้จึงน่าจะเป็นช่วงที่จะเติบโตได้ด้วยตัวเองแล้ว
"เราพอใจแล้วกับการเป็นธนาคารพาณิชย์อันดับที่ 5 ซึ่งก็ไม่กังวลอะไรหากใครจะขึ้นมาแทนที่ระดับนี้ มันไม่ใช่เรื่องลำดับอย่างเดียว อยู่ที่ผลงานที่ออกมามากกว่า ด้านการแข่งขันกันดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ก็คงจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราต้องปรับตัว แต่ก็ต้องดูที่แนวทางการแข่งขันด้วย ไม่ใช่เรื่องราคาอย่างเดียว กลัวว่าแข่งกันมากๆแล้วก็พากันตกเขาไป"
กสิกรฯฝาก3โจทย์รัฐบาลใหม่
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) กล่าวว่า สิ่งที่จะขอฝากให้รัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้มี 3 เรื่องด้วยกันคือ1.ดูแลทางด้านการเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ 2.แก้โจทย์เศรษฐกิจทางด้านต้นทุนธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปภายหลังเลิกนโยบายอุดหนุนของรัฐบาล อาทิ อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อต้นทุนธุรกิจให้เพิ่มขึ้น 3-4%
และเรื่องที่ 3.โครงการลงทุนระยะยาว เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจรองรับการแข่งขันที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตหลังจากมีการเปิดเสรีด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านลอจิสติก เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง
