xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งสูงสุดรอบ 54 เดือน คาดการใช้จ่ายคึกคัก Q3 ต่อเนื่อง Q4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้น หลังมีการเลือกตั้งและกำลังได้รัฐบาลใหม่ ดันดัชนีพุ่งสูงสุดรอบ 54 เดือน เผย สำรวจซ้ำอีกครั้งหลังพ้นเลือกตั้ง คนหวังรายได้ในอนาคตเพิ่มขึ้น ทำสถิติสูงสุดรอบ 72 เดือน จากนโยบายจำนำ ขึ้นเงินเดือน ค่าแรง คาดการใช้จ่ายเริ่มกระเตื้องขึ้นไตรมาส 3 คึกคักไตรมาส 4 ดันเศรษฐกิจทั้งปีโต 5%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือน มิ.ย.2554 ช่วงก่อนการเลือกตั้ง ว่า ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และปรับขึ้นทุกรายการเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 72.3 เพิ่มจากเดือน พ.ค.2554 ที่ 71.1 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 66 เดือน นับตั้งแต่เดือน ม.ค.2549 ที่ประเทศไทยเริ่มเกิดปัญหาการเมือง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 72.9 เพิ่มจาก 71.7 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 99.8 เพิ่มจาก 98.5 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ 81.7 เพิ่มจากเดือน พ.ค.2554 ที่ 80.4 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 54 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน 63.8 เพิ่มจาก 63.0 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 87.4 เพิ่มจาก 86.0

ปัจจัยบวกที่ทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ปัจจัยแรกมาจากการเลือกตั้งส่งผลทางจิตวิทยาในเชิงบวกต่อความคาดหวังจากรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รองลงมาเป็นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลงลิตรละ 0.40-1.00 บาท ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในระดับสูง การส่งออกยังขยายตัวได้ดี และค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการส่งออก

ส่วนปัจจัยลบ มาจากผู้บริโภคยังกังวลปัญหาค่าครองชีพที่ทรงตัวระดับสูง ไม่สอดคล้องกับรายได้ รวมถึงยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศว่าหลังการเลือกตั้งว่าจะมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน

“เรื่องการเมือง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ปรับเพิ่มทุกรายการ เพราะประชาชนมีความหวังว่าหลังการเลือกตั้ง รัฐบาลใหม่จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น และยังได้รับผลดีจากเม็ดเงินสะพัดกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แต่การที่ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคยังต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนกำลังซื้อระยะสั้นยังทรงตัว เพราะไม่มั่นใจสถานการณ์ราคาน้ำมัน ความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ แต่ระยะยาวจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน” นายธนวรรธน์ กล่าว

ขณะที่ผลสำรวจความเหมาะสมเกี่ยวกับการซื้อรถยนต์คันใหม่ ซื้อบ้านหลังใหม่ ท่องเที่ยว และลงทุนทำธุรกิจ SMEs ผู้บริโภคเห็นว่าเหมาะสมมากขึ้นเช่นเดียวกัน รวมถึงดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิต และดัชนีเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง ก็ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2 จุด ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมาก

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ได้สำรวจความเชื่อมั่นเพิ่มเติมหลังการเลือกตั้งช่วงวันที่ 10-11 ก.ค. พบว่า ดัชนียังมีแนวโน้มปรับขึ้นทุกรายการ ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มเป็น 74.1 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานเพิ่มเป็น 74.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเพิ่มเป็น 102.6 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มเป็น 83.8 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันเพิ่มเป็น 65.1 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตเพิ่มเป็น 89.9

“ผลการเลือกตั้งส่งผลให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ปรับเพิ่มเฉลี่ยเกิน 2 จุด โดยเฉพาะความเชื่อมั่นรายได้อนาคตที่ 102.6 ถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 72 เดือนนับตั้งแต่ปี 2548 เพราะคนคาดหวังนโยบายการจำนำข้าว การปรับเงินเดือน และค่าแรงขั้นต่ำ จะช่วยให้มีรายได้เพิ่ม และกล้ากลับมาจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น การบริโภคน่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้ในครึ่งปีหลัง”

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูความแน่นอนทางการเมือง หากการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ได้รับการตอบสนองจากประชาชน และไม่มีเหตุรุนแรงทางการเมือง ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ถดถอยอย่างรุนแรง จะทำให้การบริโภคกลับมาเป็นขาขึ้น และการบริโภคดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 และคึกคักมากในไตรมาส 4 ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ให้ขยายตัวได้ 6% และทำให้เศรษฐกิจทั้งปี 2554 ขยายตัวได้ 4.5-5% เพิ่มจากเดิมที่จะขยายตัว 4.4%
กำลังโหลดความคิดเห็น