นายกฯสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ชี้ นโยบายเพิ่มเงินเดือนพนักงานบรรจุใหม่15,000บาทต่อเดือน เพิ่มค่าแรง 300บาทต่อวัน ตัวเร่งเงินเฟ้อ ระบุกนง.ขึ้นดอกเบี้ยอาร์พี อีก0.25% กระทบกำลังซื้อลูกค้าไม่มาก เชื่อแค่ตัวเลขหลักเดียวยังเป็นปัจจัยบวกสำหรับผู้ซื้อบ้านเมื่อเทียบดอกเบี้ยสินเชื่ออุตฯประเภทอื่น วอนรัฐบาลใหม่เร่งเดินหน้าโครงการสินเชื่อบ้านหลังแรก 0% นาน5ปี หวั่นการส่งสัญญาณของธปท.ส่งผลผู้บริโภคชะลอตัดสินใจซื้อ รอประชานิยมจากรัฐบาล
นโยบายหาเสียงของพรรเพื่อไทย(พท.) แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทั้งในส่วนของการปรับขึ้นเงินเดือนของพนักงานบรรจุใหม่เป็น 15,000 บาทต่อเดือน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจในทุกๆส่วน เพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้าและค่าบริการจากภาคธุรกิจ อาจจะขยับล่วงหน้า และมีผลโดยตรงกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยสัญญาณความเสี่ยงดังกล่าว ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดเมื่อวานนี้ (13 ) เพิ่มอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ระดับร้อยละ 3.25
“ จากนโยบายหาเสียงของรัฐบาลใหม่ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังจากตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จเรียบร้อย และนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดีอีกปัจจัยหนึ่งในขณะนี้ ”
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรกล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของกนง. ครั้งล่าสุด แน่นอนจะส่งผลเสียต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะเป็นการลดทอนกำลังซื้อและความสามารถในการผ่อนส่งค่างวดเงินกู้ของลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจาณาโดยรวมแล้วจะพบว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยนั้นถือว่ายังเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกของอสังหาฯ เพราะดอกเบี้ยในปัจจุบัน อยู่ในระดับตัวเลขหลักเดียว ต่างจากตัวเลขดอกเบี้ยสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่ถือว่าสูงกว่าค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบแก่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ เนื่องจากต้องพิจารณากำลังซื้อ และเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับกำลังซื้อ ส่วนลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยไปแล้วนั้น คงได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่ในระดับ 0.25% ถือว่าไม่รุนแรง และสอดรับไปกับเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่ในความคาดหมายของผู้บริโภค
“ สำหรับผู้ผ่อนบ้านบางส่วนอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินทุกๆ แห่งมีการคิดเผื่อวงเงินในการเก็บค่างวดอยู่แล้ว แต่หากมีการปรับดอกเบี้ยค่อนข้างรุนแรงและต่อเนื่อง จะกดดันทันทีกับสถาบันการเงิน ที่ต้องปรับดอกเบี้ย ”
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ อาจจะส่งผลเสียมากกว่าที่คิด หากโครงการสินเชื่อเพื่อบ้านหลังแรก 0% นาน 5ปีของรัฐบาลใหม่ จะยิ่งทำให้ผู้ที่คิดจะซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจออกไป ส่งผลกระทบต่อตลาดรวม ดังนั้น หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลควรดำเนินการในโครงการสินเชื่อบ้านหลังแรก ทันที เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯโดยรวมในช่วงปลายปี
“ นโยบายสินเชื่อบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย และเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำนั้น มีการประกาศในช่วงหาเสียง และประชาชนรับรู้แล้ว มีการคาดหวัง และรอนโยบายดังกล่าว และยิ่งมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% จะทำให้มีผู้บริโภคอีกหลายๆ ได้รับกระทบเข้าไปอีก ”
นโยบายหาเสียงของพรรเพื่อไทย(พท.) แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทั้งในส่วนของการปรับขึ้นเงินเดือนของพนักงานบรรจุใหม่เป็น 15,000 บาทต่อเดือน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจในทุกๆส่วน เพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้าและค่าบริการจากภาคธุรกิจ อาจจะขยับล่วงหน้า และมีผลโดยตรงกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยสัญญาณความเสี่ยงดังกล่าว ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดเมื่อวานนี้ (13 ) เพิ่มอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ระดับร้อยละ 3.25
“ จากนโยบายหาเสียงของรัฐบาลใหม่ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังจากตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จเรียบร้อย และนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดีอีกปัจจัยหนึ่งในขณะนี้ ”
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรกล่าวว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของกนง. ครั้งล่าสุด แน่นอนจะส่งผลเสียต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะเป็นการลดทอนกำลังซื้อและความสามารถในการผ่อนส่งค่างวดเงินกู้ของลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจาณาโดยรวมแล้วจะพบว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยนั้นถือว่ายังเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกของอสังหาฯ เพราะดอกเบี้ยในปัจจุบัน อยู่ในระดับตัวเลขหลักเดียว ต่างจากตัวเลขดอกเบี้ยสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่ถือว่าสูงกว่าค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบแก่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ เนื่องจากต้องพิจารณากำลังซื้อ และเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับกำลังซื้อ ส่วนลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยไปแล้วนั้น คงได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่ในระดับ 0.25% ถือว่าไม่รุนแรง และสอดรับไปกับเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่ในความคาดหมายของผู้บริโภค
“ สำหรับผู้ผ่อนบ้านบางส่วนอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินทุกๆ แห่งมีการคิดเผื่อวงเงินในการเก็บค่างวดอยู่แล้ว แต่หากมีการปรับดอกเบี้ยค่อนข้างรุนแรงและต่อเนื่อง จะกดดันทันทีกับสถาบันการเงิน ที่ต้องปรับดอกเบี้ย ”
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ อาจจะส่งผลเสียมากกว่าที่คิด หากโครงการสินเชื่อเพื่อบ้านหลังแรก 0% นาน 5ปีของรัฐบาลใหม่ จะยิ่งทำให้ผู้ที่คิดจะซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจออกไป ส่งผลกระทบต่อตลาดรวม ดังนั้น หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลควรดำเนินการในโครงการสินเชื่อบ้านหลังแรก ทันที เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯโดยรวมในช่วงปลายปี
“ นโยบายสินเชื่อบ้านหลังแรก ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย และเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำนั้น มีการประกาศในช่วงหาเสียง และประชาชนรับรู้แล้ว มีการคาดหวัง และรอนโยบายดังกล่าว และยิ่งมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% จะทำให้มีผู้บริโภคอีกหลายๆ ได้รับกระทบเข้าไปอีก ”