xs
xsm
sm
md
lg

บาทแข็งรับนโยบาย "ปู" สู้เงินเฟ้อ "ประสาร" ปัดให้ความเห็น-ย้ำดูแลไม่ให้ผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักบริหารเงินเผย เงินบาทแข็งค่าขึ้น เปิดตลาดที่ระดับ 30.25-30.27 บาทต่อดอลลาร์ หลังว่าที่นายกฯ ส่งสัญญาณปล่อยบาทแข็งตามกลไกตลาด "ประสาร" ปัดให้ความเห็น "บาทแข็งสู้เงินเฟ้อ" ย้ำหน้าที่แบงก์ชาติ ดูแลความผันผวน และยังใช้โยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวแบบมีการจัดการ "ชาติศิริ" เชื่อนโยบายเศรษกิจ พท. จะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวม และทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

นักบริหารเงินจาก ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทหลังว่าที่นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายตลาดเงินของรัฐบาลใหม่ที่จะไม่แทรกแซงค่าเงินบาท โดยจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ส่งผลให้ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.25/30.27 บาทต่อดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.34/30.36 บาทต่อดอลลาร์

โดยเมื่อเวลา 08.45 น .เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.25/27 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวโน้มปรับแข็งค่าตามภูมิภาค ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อคืนนี้ อยู่ในระดับค่อนข้างดี ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่า นักลงทุนหันไปลงทุนถือครองเงินตราที่มีความเสี่ยงมากขึ้น

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 81.25/29 เยนต่อดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับ 80.95/81.02 เยนต่อดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.4360/4365 ดอลลาร์ต่อยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ 1.4295/4297 ดอลลาร์ต่อยูโร

สำหรับทิศทางในวันนี้ คาดว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง โดยเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 30.20-30.30 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูทิศทางที่ชัดเจน

ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปฎิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางของรัฐบาลใหม่ที่สนับสนุนการใช้เงินบาทแข็งสู้เงินเฟ้อ โดยกล่าวว่าการให้ความเห็นในเรื่องนี้จะกระทบต่อการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ แต่ทาง ธปท.มีหน้าที่ในการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเพื่อช่วยการแข่งขันของประเทศ และยังใช้โยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวแบบมีการจัดการ

ส่วนนโยบายต่างๆ ของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ เช่น การยกเลิกจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน การขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาท ที่ยังเป็นนโยบายที่ยังไม่ชัดเจน ที่ยังไม่เป็นทางการ ดังนั้นขอให้รอการจัดตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จและมีการเสนอแผนบริหารราชการแผ่นดินก่อน

"การเมืองหลังการเลือกตั้ง มีทิศทางในทางบวก ทำให้คลายความกังวล ส่วนจะมีข้อเสนอต่อรัฐบาลใหม่อย่างไร ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเสนอ"

อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดี สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยผลการเลือกตั้งออกมามีความชัดเจน และผู้นำพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคต่างยอมรับ ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมของประเทศ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ต้องติดตามเกี่ยวกับการทำตามสัญญาของพรรคการเมืองที่รับปากประชาชนช่วงหาเสียงจะนำไปสู่การปฎิบัติในขอบเขตได้อย่างไร ซึ่งจะนำไปสู่การจัดทำแผนบริหารราชการแผ่นดิน

"หลังการเมืองชัดเจนแล้ว บริษัทเครดิตเรทติ้งต่างๆ จะปรับเครดิตเราหรือไม่นั้น ส่วนใหญ่บริษัทเครดิตเรทติ้งจะดูความสามารถด้านเครดิตของเรา ดูภาระการคลัง หากไม่เป็นภาระมากก็คงไม่น่ากระทบ แต่หลังเลือกตั้งแล้วมองว่าน่าจะเป็นปัจจัยบวก ไม่น่าเป็นห่วง"

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง มองว่ายังมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ที่ยังอ่อนแอ แต่ปัจจัยในประเทศมองว่ายังไปได้ดี แต่ก็มีความเสี่ยงจากการแร่งตัวของเงินเฟ้อที่เป็นผลจากราคาน้ำมัน ราคาอาหารที่ยังทรงตัวในระดับสูง แต่ทาง ธปท.ยังคงเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ 4.1%

ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวว่า รัฐบาลใหม่ที่จะเป็นเสียงข้างมากที่ทำให้เห็นถึงเสถียรภาพถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เกิดการลงทุนและมีผลต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งในส่วนของธนาคารน่าจะมีผลให้สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ส่วนโยบายของรัฐบาลใหม่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวม และทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น แม้นโยบายบางเรื่อง เช่นการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำจะทำให้ผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ผู้ประกอบการต้องใช้เวลาปรับตัวและจะเกิดประโยชน์ในระยะยาว
กำลังโหลดความคิดเห็น