xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นรุกตลาดวัสดุก่อสร้างในไทย ตั้งเป้า 5 ปีครองส่วนแบ่งตลาด 50%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

LIXLผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ และอเมริกันสแตนดาร์ดจากญี่ปุ่น ประกาศรุกตลาดวัสดุไทยเต็มสูบ ตั้งเป้าภายใน 5 ปีครองส่วนแบ่งตลาด 50% หรือมียอดขายกว่า 18,000 ล้านบาท พร้อมใช้ไทยและเวียดนามเป็นฐานผลิตรุกอาเซียน เปิดเขตการค้าเสรี ระบุไทยน่าลงทุนที่สุดในภูมิภาคเหตุโครงสร้างพื้นฐานสมบูรณ์ที่สุด แม้การเมืองผันผวน

นาย โทชิมาซะ อีอูเอะ ประธานบริการ กลุ่มบริษัท LIXL Corporation Global Business Company หรือ JS Group Corporation จากประเทศญี่ปุ่น ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สุขภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ แบรนด์ อีแน็กซ์ (INAX), ทอสเท็ม , ลิคซิล (LIXIL) และสุขภัณฑ์อเมริกันสแตนดาร์ด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยว่า บริษัทได้เข้ามาสร้างฐานการผลิตชิ้นส่วนอลูมิเนียมอุตสาหกรรม และวัสดุก่อสร้าง บานประตู หน้าต่าง แบรนด์ "ลิคซิล " และทอสเท็มในประเทศไทยกว่า 20 ปี ภายใต้บริษัท ทอสเท็มไทย จำกัด โดยมีโรงงานผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ด้วยกำลังการผลิต 8,000 ตัน/เดือน ปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเพียง 6,500 ตัน/เดือน สินค้าที่ผลิตได้จะส่งออกถึง 90% หลักๆ คือส่งกลับไปขายในประเทศญี่ปุ่น ส่วนยอดขายในไทยเพียง 10% เท่านั้นหรือประมาณ 450 ล้านบาท/ปี

แม้ว่า LIXIL จะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทยมากว่า 20 ปี แต่ยังไม่เคยทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง แต่หลังจากนี้ จะหันมารุกตลาดในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมองว่าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผู้จำหน่าวยผลิตภัณฑ์ประตู หน้าต่างอลูมิเนียม รวมถึงวัสดุอื่นภายในบ้านที่ทำมาจากอลูมิเนียมในไทยที่มีคุณภาพมีเพียงไม่กี่ราย โดยจะเน้นขายสินค้าเข้าโครงการจัดสรรทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม

สำหรับราคาขายนั้น บริษัทได้ปรับลดลงมากว่า 30% ทำให้ปัจจุบันราคาที่ต่ำกว่า วินเซอร์ ซึ่งเป็นเจ้าตลาดในปัจจุบัน กว่า 10% ประกอบกับคุณภาพของสินค้าที่สามารถกันน้ำรั่วซึม กันเสียงรับกวนจากภายนอก ทนแรงลมได้ที่ระดับ 80 กิโลกรัมแรง ต่อตร.ม.ปลอดภัยสำหรับการใช้งานในอาคารสูง บานเลื่อนระบบมัลติล็อค บานเปิดออกแบบบังใบป้องกันการงัดแงะ ด้วยคุณภาพสูง แต่ราคาที่ถูกกว่า จึงเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าอีก 5 ปีข้างหน้าจะมียอดขายในไทยไม่ต่ำกว่า 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายของชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ประตู หน้าต่างอลูมเนียมประมาณ 9,000 ล้านบาท ส่วนอีก 6,400 ล้านบาทจะมาจากบริษัท เครื่องสุภัณฑ์ อเมริกันสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ห้องน้ำ ที่ อีแน็กซ์ได้ซื้อกิจการมาเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา และที่เหลืออีก 2,600 ล้านบาท มาจาก สินค้าแบรนด์อื่นๆ อาทิ อิแนกซ์ ที่บริษัทจะนำเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง รวมถึงชุดเครื่องครัว ภายหลังจากที่ทำตลาดในประเทศเวียดนามและจีนมาก่อนหน้านี้

ปัจจุบัน ไทยบริโภควัสดุอลูมิเนียมประมาณ 90,000 ตัน/ปี แบ่งเป็นวัสดุก่อสร้างประมาณ 45,000 ตัน/ปี และชิ้นส่วนอุตสาหกรรมอีก 45,000 ตัน/ปี ปัจจุบันราคาแร่อลูมิเนียมประมาณ 2,500 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่การใช้วัสดุอลูมิเนียมภายในอาคารบ้านเรือนเฉลี่ยประมาณ 5-7% ของมูลค่าก่อสร้าง แต่หากใช้แทนเหล็กดัด ประตูหน้าบ้าน รั้ว และอื่นๆ ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้แทนเหล็กเพราะมีความทนทานมากกว่าจะคิดเป็น 15% ของมูลค่าก่อสร้าง

ด้าน นายฮิโรชิ ไซโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทอสเท็มไทย มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประตูหน้าต่างอลูมิเนียม แบรนด์ "ลิคซิล" (LIXIL) ในไทย เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นนักลงทุนจากต่างชาติมองประเทศไทยว่า เป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดในภูมิภาค เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์กว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะมีนักลงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตามต้องการในรัฐบาลไทยเปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถลงทุนในธุรกิจบริการได้

"เราเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตวัสดุอลูมิเนียมในไทยมากว่า 20 ปีแล้ว คิดเป็นเม็ดเงินที่ได้ลงทุนไปกว่า 650 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้ว่าไทยจะมีความผันผวนทางการเมืองบ่อยครั้ง แต่ที่ผ่านมาไทยก็มีทางออกเสมอ ส่วนการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จะเป็นการช่วงส่งเสริมตลาดให้มีการเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทจะใช้ฐานการผลิตทั้งในไทยและเวียดนามในการผลิตสินค้าและทำการตลาดในกลุ่ม" นายฮิโรชิ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น