ปตท.จับตา รมว.พลังงาน คนใหม่ พท.ยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ ตามที่ประกาศไว้หรือไม่ แต่หากจะยุบจริงควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป "บิ๊กไฝ" เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ปรับราคา NGV ตามต้นทุนที่แท้จริง กก.ละ 15 บาท ยอมรับขาดทุนอยู่ที่ กก.ละ 4-5 บาท พร้อมส่งสัญญาณขึ้นราคาน้ำมัน ภายในสัปดาห์นี้
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงมาตรการดูแลเสถียรภาพก๊าซธรรมชาติภายในประเทศ โดยระบุว่า ปตท.เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติสำหรับยายนต์ (NGV) ให้เป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริงที่ระดับ 15 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) พร้อมคาดการณ์ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงครึ่งหลังปี 2554 เฉลี่ยอยู่ที่ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตอนนี้ ปตท.ยังรอติดตามว่า ใครจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ เพื่อจะได้หารือโครงสร้างราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน , ก๊าซหุงต้ม (LPG) และก๊าซ NGV โดยเฉพาะ NGV ที่ขณะนี้ ปตท.ยังต้องขาดทุนอยู่ประมาณ 4-5 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลชุดใหม่
สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งมีแนวคิดจะยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ยอมรับว่า ตอนนี้ผู้ค้าน้ำมันยังรอความชัดเจนจากนโยบายของรัฐบาล และพร้อมที่จะปฏิบัติตาม ซึ่งบทบาทของกองทุนน้ำมันฯ มีทั้งการจัดเก็บเงินและจ่ายชดเชยผลิตภัณฑ์บางชนิด หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันฯ จะทำให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลลดลงทันที แต่ราคาก๊าซ LPG และก๊าซ NGV จะสูงขึ้น ซึ่งต้องติดตามดูว่ารัฐบาลชุดใหม่จะบริหารจัดการอย่างไร
อย่างไรก็ดี ขณะนี้มองว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง สะท้อนจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังมองเชิงบวกที่จะได้รัฐบาลใหม่ในเร็วๆ นี้
ด้านนายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ปตท. กล่าวว่า หากรัฐบาลใหม่ยกเลิกกองทุนน้ำมันจริง ควรดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ราคาพลังงานทยอยปรับตัวสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะกองทุนน้ำมันถือเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐ เนื่องจากมีเงินหมุนเวียนทั้งเข้าและออก หากยกเลิกจะต้องดูว่าจะนำเงินจากส่วนใดมาดูแลราคาพลังงานที่อุดหนุนอยู่
ส่วนทางด้าน ปตท.ในฐานะภาคเอกชน พร้อมทำตามนโยบายจากภาครัฐ โดยจะคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ค้าและประชาชนให้เกิดความสมดุลในทุกภาคส่วน ด้านราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ คาดว่ามีแนวโน้มอาจปรับราคาขึ้นได้ในสัปดาห์นี้ หากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้ เนื่องจากค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำเฉลี่ย 1.20 บาทต่อลิตร
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เห็นว่า เรื่องของการบริหารกองทุนน้ำมันนั้น รัฐบาลควรพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ ถ้าหากว่าไม่มีเงินมาอุดหนุนราคาอย่างเช่นทุกวันนี้ ก็อาจจะทำให้ประชาชนหันกลับไปใช้น้ำมันเบนซินเหมือนเดิม หรืออาจจะต้องกู้ยืมเงินมาอุดหนุน แนวทางที่ดีที่สุดที่รัฐบาลอาจชะลอการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเมื่อราคาน้ำมันแพง และกลับมาเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเมื่อราคาน้ำมันปรับลดลง หรือใช้แนวทางปรับเพดานราคาน้ำมันดีเซลให้สูงขึ้น