“กรณ์” อัดซ้ำนโยบายเพื่อไทย "ปีเดียวผลาญเงินกว่า 2 ล้านล้าน" ไม่รวมงบรายจ่ายประจำและงบลงทุนตาม พ.ร.บ.งบฯ ปี 55 ชี้แค่เพิ่มเงินเดือน 1.5 หมื่นบาทถลุงงบไปถึง 5.5 แสนล้าน เย้ยแค่ฝัน ด้านเด็กเพื่อไทยโต้ปั่นหุ้น บิดเบือนฝรั่งหนีเพราะกลัวแม้วรีเทิร์น เกทับนโยบายเศรษฐกิจ พท.เหนือ ปชป.ทุกด้าน
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากการคำนวณงบประมาณตามนโยบายพรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้พบว่ามีการใช้เงินงบประมาณเพียงแค่ปีแรกสูงถึง 2.06 ล้านล้านบาท ซึ่งจากประมาณการตามเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น1.9 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำและงบลงทุนรวม 2.22 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 3.2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ประเมินว่านโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงในครั้งนี้เป็นนโยบายขายฝัน เหลวแหลกไม่สามารถเป็นจริงได้โดยจากการรวบรวม 8 นโยบายในเบื้องต้นของพรรคเพี่อไทยมีการใช้จ่ายเงินงบประมาณดังนี้ 1.ลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท 2.แจกแท็บเล็ตให้นักเรียนโดยสมมติฐานเบื้องต้น 8.6 ล้านคน เครื่องละ 2 หมื่นบาทใช้งบประมาณ 1.72 แสนล้านบาท
3.กองทุนตั้งตัวได้ให้กับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 169 มหาวิทยาลัย วงเงิน 1.69 แสนล้านบาท 4.เพิ่มเงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท โดยคำนวณจากบัณฑิตจบใหม่ปีละ 4 แสนคนและการปรับฐานเงินเดือนทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจด้วยใช้งบประมาณ 5.57 แสนล้านบาท 5.นโยบายจำนำข้าวใช้งบประมาณ 4.72 แสนล้านบาท 6.แลนด์บริดจ์ทั้งโครงการ 1 แสนล้านบาท 4 ปี เฉลี่ยปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท
7.โครงการเขื่อนกั้นทะเลมูลค่าโครงการ 9 แสนล้านบาทอายุ 5 ปี เฉลี่ยปีละ 1.8 แสนล้านบาท และ 8.นิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งต้องคืนเงินที่ยึดทรัพย์มา 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องบรรจุลงในพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 รวมเป็นเงินที่ใช้สำหรับนโยบาย 8 ข้อของพรรคเพื่อไทยภายใน 1 ปีจำนวนทั้งสิ้น 2,066,690 ล้านล้านบาท
“เงินที่เพิ่มมา 2 ล้านล้านบาทนี้เป็นเงินที่อยู่นอกเหนืองบประมาณรายจ่ายที่ผ่านสภาฯ แล้ว ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว นี่ยังไม่รวมโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน คืนภาษีรถคันแรก พักหนี้เกษตรกร ฟรีไวไฟ แอร์พอร์ตลิ้งก์พัทยา รถไฟฟ้า 20 บาท และชลประทานระบบท่อ 25 ลุ่มน้ำ ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่สามารถเป็นไปได้และเป็นนโยบายขายฝัน” นายกรณ์กล่าว
นายกรณ์กล่าวว่า โครงการต่างๆ เหล่านี้ของพรรคเพื่อไทยอยากตั้งคำถามว่าจะเอาเงินมาจากที่ไหน ที่ผ่านมาเขาพูดมาตลอดว่ารัฐบาลนี้กู้เงินมากและเขาก็พูดมาตลอดว่าถ้าเขาเข้ามาแล้วจะไม่กู้แต่ถึงจะกู้ก็คงกู้ไม่ได้เพราะมีพ.ร.บ.งบประมาณฯ และพ.ร.บ.หนี้สาธารณะ กำหนดกรอบการขาดดุลและกรอบการกู้ชดเชยการขาดดุลดูแลในส่วนนี้อยู่แล้ว
“เรื่องที่ผมชี้แจงในครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้เป็นการหาเสียงที่ขายฝันอย่างแท้จริง เป็นนโยบายที่เหลวแหลก ผมพร้อมที่จะถกเถียงกันทุกเวทีเกี่ยวกับประเด็นนี้ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือนักวิชาการผมพร้อมแลกเปลี่ยนกันเต็มที่” นายกรณ์กล่าว
เด็กเพื่อไทยชี้ "กรณ์" บิดเบือน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช. คลัง ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตามที่นายกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่าการที่หุ้นตกและนักลงทุนต่างประเทศเทขายนั้น เกิดมาจากการที่พรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสสูงในการชนะการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาล เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและอาจจะทำให้นักลงทุนไทยและประชาชนคนไทยสับสนเหมือนกับการที่ออกมาบอกเรื่องการซื้อดาวเทียมไทยคมที่ไม่ได้มีการซื้อขายจริงแต่อย่างไร เป็นเรื่องที่คนในตลาดทราบกันดีว่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อปั่นหุ้นเท่านั้น
"ปัญหาปัจจุบันที่หุ้นตกเป็นเพราะการเทขายหุ้นที่เกิดขึ้นทั้งโลก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและในยุโรป โดยเฉพาะในสหรัฐที่ปรากฏว่าหุ้นดาวน์โจนส์ได้ตกติดต่อกันมากว่า 6 สัปดาห์แล้ว ปัญหาส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากความกังวลในอัตราเงินเฟ้อในตลาดที่เกิดใหม่ โดยเฉพาะในประเทศจีน และในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะประเทศไทยที่รัฐบาลไม่สามารถคุมระดับราคาสินค้าที่แพงได้ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นออกทั้งโลกเพื่อเฝ้าดูไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น"
นายพิชัยอ้างว่า ที่จริงแล้วนักลงทุนต่างประเทศต่างก็ทราบดีอยู่แล้วว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคนไทยมีโอกาสสูง โดยสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักเช่น บลูมเบิร์ก ก็ได้รายงานเรื่องนี้เมื่อหลายเดือนก่อนที่มีการจัดงานของตลาดหลักทรัพย์ โดยตนเองยังได้รับเชิญไปให้ความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติ ถึงนโยบายและแนวความคิดของพรรคเพื่อไทยโดยประชันกับนโยบายของพรรคประชาธิปัติย์ ซึ่งปรากฏว่านโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยดีกว่าของพรรคประชาธิปัตย์มาก
"ขนาดสื่อที่ไม่ได้เข้าข้างพรรคเพื่อไทย เช่นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เอเอสทีวี ยังชมว่าเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ทุกด้าน ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างประเทศมั่นใจ ดัชนีหลักทรัพย์ก็เพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เกิดความผันผวนทั้งโลก ดังนั้นจึงอยากให้ นายกรณ์ ได้ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน อย่าได้ทำให้ประชาชนสับสนเหมือนที่มาบอกว่าดัชนีหลักทรัพย์จะขึ้นถึง 1,700 จุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ รมต. คลังไม่ควรพูด ถ้าเป็นในประเทศอื่น รมต. คลังคงต้องลาออกไปแล้ว" นายพิชัยกล่าวและว่า หากรัฐบาลชุดนี้สามารถบริหารประเทศได้ดีตามที่พูด ป่านนี้ก็คงไม่ต้องกังวลว่าพรรคฝ่ายค้านจะได้รับความนิยมมากกว่า ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนได้พิจารณาว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลมีผลงานอย่างไรในการบริหารประเทศ อย่าได้สับสนกับการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องที่ทำกันมาโดยตลอดในรัฐบาลนี้
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากการคำนวณงบประมาณตามนโยบายพรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงเลือกตั้งในครั้งนี้พบว่ามีการใช้เงินงบประมาณเพียงแค่ปีแรกสูงถึง 2.06 ล้านล้านบาท ซึ่งจากประมาณการตามเอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้ทั้งสิ้น1.9 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำและงบลงทุนรวม 2.22 ล้านล้านบาท ขาดดุลงบประมาณ 3.2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ประเมินว่านโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงในครั้งนี้เป็นนโยบายขายฝัน เหลวแหลกไม่สามารถเป็นจริงได้โดยจากการรวบรวม 8 นโยบายในเบื้องต้นของพรรคเพี่อไทยมีการใช้จ่ายเงินงบประมาณดังนี้ 1.ลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท 2.แจกแท็บเล็ตให้นักเรียนโดยสมมติฐานเบื้องต้น 8.6 ล้านคน เครื่องละ 2 หมื่นบาทใช้งบประมาณ 1.72 แสนล้านบาท
3.กองทุนตั้งตัวได้ให้กับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 169 มหาวิทยาลัย วงเงิน 1.69 แสนล้านบาท 4.เพิ่มเงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท โดยคำนวณจากบัณฑิตจบใหม่ปีละ 4 แสนคนและการปรับฐานเงินเดือนทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจด้วยใช้งบประมาณ 5.57 แสนล้านบาท 5.นโยบายจำนำข้าวใช้งบประมาณ 4.72 แสนล้านบาท 6.แลนด์บริดจ์ทั้งโครงการ 1 แสนล้านบาท 4 ปี เฉลี่ยปีละ 2.5 หมื่นล้านบาท
7.โครงการเขื่อนกั้นทะเลมูลค่าโครงการ 9 แสนล้านบาทอายุ 5 ปี เฉลี่ยปีละ 1.8 แสนล้านบาท และ 8.นิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งต้องคืนเงินที่ยึดทรัพย์มา 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องบรรจุลงในพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 รวมเป็นเงินที่ใช้สำหรับนโยบาย 8 ข้อของพรรคเพื่อไทยภายใน 1 ปีจำนวนทั้งสิ้น 2,066,690 ล้านล้านบาท
“เงินที่เพิ่มมา 2 ล้านล้านบาทนี้เป็นเงินที่อยู่นอกเหนืองบประมาณรายจ่ายที่ผ่านสภาฯ แล้ว ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว นี่ยังไม่รวมโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน คืนภาษีรถคันแรก พักหนี้เกษตรกร ฟรีไวไฟ แอร์พอร์ตลิ้งก์พัทยา รถไฟฟ้า 20 บาท และชลประทานระบบท่อ 25 ลุ่มน้ำ ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่สามารถเป็นไปได้และเป็นนโยบายขายฝัน” นายกรณ์กล่าว
นายกรณ์กล่าวว่า โครงการต่างๆ เหล่านี้ของพรรคเพื่อไทยอยากตั้งคำถามว่าจะเอาเงินมาจากที่ไหน ที่ผ่านมาเขาพูดมาตลอดว่ารัฐบาลนี้กู้เงินมากและเขาก็พูดมาตลอดว่าถ้าเขาเข้ามาแล้วจะไม่กู้แต่ถึงจะกู้ก็คงกู้ไม่ได้เพราะมีพ.ร.บ.งบประมาณฯ และพ.ร.บ.หนี้สาธารณะ กำหนดกรอบการขาดดุลและกรอบการกู้ชดเชยการขาดดุลดูแลในส่วนนี้อยู่แล้ว
“เรื่องที่ผมชี้แจงในครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้เป็นการหาเสียงที่ขายฝันอย่างแท้จริง เป็นนโยบายที่เหลวแหลก ผมพร้อมที่จะถกเถียงกันทุกเวทีเกี่ยวกับประเด็นนี้ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือนักวิชาการผมพร้อมแลกเปลี่ยนกันเต็มที่” นายกรณ์กล่าว
เด็กเพื่อไทยชี้ "กรณ์" บิดเบือน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช. คลัง ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตามที่นายกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่าการที่หุ้นตกและนักลงทุนต่างประเทศเทขายนั้น เกิดมาจากการที่พรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสสูงในการชนะการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาล เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและอาจจะทำให้นักลงทุนไทยและประชาชนคนไทยสับสนเหมือนกับการที่ออกมาบอกเรื่องการซื้อดาวเทียมไทยคมที่ไม่ได้มีการซื้อขายจริงแต่อย่างไร เป็นเรื่องที่คนในตลาดทราบกันดีว่าเป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อปั่นหุ้นเท่านั้น
"ปัญหาปัจจุบันที่หุ้นตกเป็นเพราะการเทขายหุ้นที่เกิดขึ้นทั้งโลก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและในยุโรป โดยเฉพาะในสหรัฐที่ปรากฏว่าหุ้นดาวน์โจนส์ได้ตกติดต่อกันมากว่า 6 สัปดาห์แล้ว ปัญหาส่วนหนึ่งก็เกิดมาจากความกังวลในอัตราเงินเฟ้อในตลาดที่เกิดใหม่ โดยเฉพาะในประเทศจีน และในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะประเทศไทยที่รัฐบาลไม่สามารถคุมระดับราคาสินค้าที่แพงได้ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นออกทั้งโลกเพื่อเฝ้าดูไม่ใช่แต่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น"
นายพิชัยอ้างว่า ที่จริงแล้วนักลงทุนต่างประเทศต่างก็ทราบดีอยู่แล้วว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนคนไทยมีโอกาสสูง โดยสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักเช่น บลูมเบิร์ก ก็ได้รายงานเรื่องนี้เมื่อหลายเดือนก่อนที่มีการจัดงานของตลาดหลักทรัพย์ โดยตนเองยังได้รับเชิญไปให้ความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติ ถึงนโยบายและแนวความคิดของพรรคเพื่อไทยโดยประชันกับนโยบายของพรรคประชาธิปัติย์ ซึ่งปรากฏว่านโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยดีกว่าของพรรคประชาธิปัตย์มาก
"ขนาดสื่อที่ไม่ได้เข้าข้างพรรคเพื่อไทย เช่นหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เอเอสทีวี ยังชมว่าเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ทุกด้าน ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างประเทศมั่นใจ ดัชนีหลักทรัพย์ก็เพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ที่เกิดความผันผวนทั้งโลก ดังนั้นจึงอยากให้ นายกรณ์ ได้ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน อย่าได้ทำให้ประชาชนสับสนเหมือนที่มาบอกว่าดัชนีหลักทรัพย์จะขึ้นถึง 1,700 จุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ รมต. คลังไม่ควรพูด ถ้าเป็นในประเทศอื่น รมต. คลังคงต้องลาออกไปแล้ว" นายพิชัยกล่าวและว่า หากรัฐบาลชุดนี้สามารถบริหารประเทศได้ดีตามที่พูด ป่านนี้ก็คงไม่ต้องกังวลว่าพรรคฝ่ายค้านจะได้รับความนิยมมากกว่า ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนได้พิจารณาว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลมีผลงานอย่างไรในการบริหารประเทศ อย่าได้สับสนกับการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องที่ทำกันมาโดยตลอดในรัฐบาลนี้