xs
xsm
sm
md
lg

ขัดขาเพื่อแม้ว "กรณ์" ชี้ ฝรั่งแหยงภาพลบ-ห่วงฉุดดัชนีหลุด 900 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“กรณ์” ระบุที่มาต่างชาติกระหน่ำขายหุ้น เพราะผวาผลโพลเพื่อแม้วชนะ หวั่นเปลี่ยนรัฐบาลนโยบายสะดุด แย้มอาจเห็นดัชนี 900 จุด เหตุต่างชาติยังมีหุ้นเหลือให้ทำกำไรได้อีก ชี้แค่นโยบายเปลี่ยนประกันราคาเป็นจำนำข้าวเรื่องเดียว ทำประเทศสูญงบฯ ทันที 2 แสนล้าน!

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มสับสนและไม่มั่นใจเกี่ยวกับรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้มีบทวิเคราะห์ออกมาในทำนองกังวลและแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพื่อลดความเสี่ยง เกิดจากเดิมทีเคยคาดการณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นรัฐบาลต่อ จะทำให้มีนโยบายที่ต่อเนื่องได้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากสำนักต่างๆ ทำให้ความมั่นใจเดิมเริ่มสันคลอน

“นักวิเคราะห์ต่างชาติยังออกบทความว่า แค่เพียงนโยบายการดูแลสินค้าเกษตรเรื่องเดียว ที่จะกลับไปใช้ระบบรับจำนำเข้า ก็ทำให้กระอักแล้ว เพราะจากราคารับจำนำในข้าวขาวตันละ 15,000 บาทและข้าวหอมมะลิตันละ 20,000 บาท ซึ่งจะต้องใช้เงินในการรับจำนำถึง 500,000 บาทเมื่อเทียบกับราคาข้าวในตลาดปัจจุบันที่ราคาข้าวขาวอยู่ที่ 8,000 บาทนั้นก็จะทำให้รัฐบาลขาดทุนทัน 200,000 บาท” นายกรณ์กล่าว

นายกรณ์ยังกล่าวในรายการ Stock Focus ทางสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที ว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นกังวลเรื่องการเมือง ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลชุดเดิมเพื่อสานต่อนโยบายเศรษฐที่ทำมาตลอด 2 ปี ที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวกว่า 1 เท่าตัว ดัชนีสูงสุดไปอยู่ที่ระดับ 1,100 จุด หรือไม่ ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง

"นักลงทุนไม่รู้ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเป็นอย่างไร จากบทวิเคราะห์นักลงทุนหลายๆ ที่ กังวลว่า หากไม่ใช่รัฐบาลชุดเดิม เป็นรัฐบาลชุดใหม่ที่มี ส.ส. ในบัญชีรายชื่ออันดับต้นๆ เป็นแกนนำเสื้อแดงเข้ามาเป็นรัฐบาล การบริหารเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร" นายกรณ์กล่าว

ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2553 ที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันได้เทขายหุ้นดังกล่าวออกไปหมดแล้วเพื่อทำกำไร โดยต่างชาติเข้ามาลงทุนที่ดัชนี 800-900 จุด และยังมีหุ้นเหลือที่ขายทำกำไรได้อีก หากเห็นว่ารัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศไม่ใชรัฐบาลชุดเดิม

ซึ่งนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย เช่น การจะเปลี่ยนแปลงโครงการรับประกันรายได้เกษตรกร มาใช้เป็นโครงการรับจำนำเหมือนเดิม ต้องใช้เงินถึง 5 แสนล้านบาท เพื่อจำนำข้าวเกษตรกรทั้งหมด และจะขาดทุนทันที 2 แสนล้านบาท เพราะเป็นการจำนำที่สูงกว่าราคาตลาดถึง 1 เท่าตัว นี้เป็นส่วนหนึ่งที่นักลงทุนไม่มั่นใจเศรษฐกิจไทยในอนาคตทำให้เทขายหุ้นออกมา

ส่วนมาตรการค่าครองชีพทั้งรถเมล์ รถไฟ และค่าไฟฟ้าและการตรงราคาก๊าซแอลพีจีที่จะหมดอายุลงในสิ้นเดือนมิถุนายนว่า เป็นอำนาจการตัดสินใจของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่กำกับดูแลในเรื่องต่างๆ นั้น ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานทราบว่าจะมีการยืดอายุต่อไปอีกจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ และเสนอของเงินอุดหนุนในภายหลังจากมีรัฐบาลได้ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน จึงไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเอาผิดกับผู้บริหารที่ตัดสินใจในประเด็นเหล่านั้นได้

เมื่อวานนี้ (13 มิ.ย.) ตลาดหุ้นไทยปิดลบต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยปิดที่ระดับ 1,015.53 จุด ลดลง 4.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 17,883.25 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับสูงสุด 1,017.26 จุด และต่ำสุดที่ 1,007.04 จุด.

**หุ้นไทยลง4จุดวันนี้มีโอกาสรีบาวน์
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย วานนี้ (13มิ.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,015.53 จุด ลดลง 4.84 จุด หรือ -0.47% มูลค่าการซื้อขาย 17,883.25 ล้านบาท เป็นการปรับตัวลงตามภูมิภาค จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาหนี้ยุโรป ระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ 1,017.26 จุด และต่ำสุดที่ 1,007.04 จุด

โดยการซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 856.93 ล้านบาท เช่นเดียวกับบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ขายสุทธิ 393.35 ล้านบาท ขณะที่สถาบันซื้อสุทธิ 274.23 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 976.05 ล้านบาท

นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้กลับมาปรับตัวลงอีกครั้งในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากปลายสัปดาห์ก่อนเริ่มรีบาวด์ขึ้นมา เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว และปัญหาหนี้สินในประเทศแถบยุโรป โดยเฉพาะกรีซ ที่ต้องติดตามมาตรการช่วยเหลือ แม้ว่าจะยังไม่มีอะไรเลวร้ายลง แต่ยังไม่คืบหน้า สำหรับปัจจัยในประเทศ แรงกดดันจากเรื่องการเมืองในขณะนี้ยังมีไม่มาก คงต้องรอดูหลังเลือกตั้ง

ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(14 มิ.ย.)ประเมินว่า ดัชนีคงผันผวนต่อ และมีโอกาสรีบาวน์ หากมาตรการช่วยเหลือกรีซชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ แนะนำเทรดดิ้ง หลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ หันมาเล่นหุ้นกลาง-เล็ก และหุ้นที่จะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปี พร้อมให้แนวรับ 1,005 จุด แนวต้าน 1,025 จุด 1,035 และ 1,040
กำลังโหลดความคิดเห็น