หุ้นไทยรูด 11 จุด ปรับตัวลดลงตามภูมิภาค หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาน่าผิด ยอดผู้ว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ดึงนักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิ 1,148 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบัน และพอร์ตโบรกฯ ส่วนวันนี้ (7 มิ.ย.) คาดปรับตัวลงต่อ เนื่องจากใกล้วันเลือกตั้ง ความกังวลยิ่งเพิ่มขึ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6 มิ.ย.) ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดวัน โดยปิดช่วงบ่ายที่ 1,046.16 จุด ลดลง 11.70 จุด หรือ -1.11% มูลค่าการซื้อขาย 18,474.17 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค หลังตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาไม่ดี
ระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,055.58 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,043.82 จุดหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 98 หลักทรัพย์ ลดลง 340 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 133 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,440.06 ล้านบาท ปิดที่ 3.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,156.38 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท ลดลง 3.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,102.00 ล้านบาท ปิดที่ 343.00 บาท ลดลง 4.00 บาท RAIMON มูลค่าการซื้อขาย 1,039.23 ล้านบาท ปิดที่ 1.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท และSCB มูลค่าการซื้อขาย 793.36 ล้านบาท ปิดที่ 107.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
โดย นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,148.08 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ที่ขายสุทธิ 687.68 ล้านบาท และ 650.23 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง ลบ 14.00 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 4,569.1 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. โดยลดลง 111.86 จุด หรือ 1.18% แตะที่ 9,380.35 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกง จีน และไต้หวัน ปิดทำการเนื่องในวันหยุด
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่าแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดัชนีเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาค ช่วงต้นสัปดาห์ อาทิ จีน ไต้หวัน เกาหลี จะปิดทำงาน เนื่องในวันประจำชาติ ซึ่งจะทำให้ทิศทางตลาดหุ้น อิงกับตลาดหุ้นในยุโรป ซึ่งมีความกังวลในปัญหาภาวะหนี้เสียของยูโรโซน ขณะที่ หุ้นพลังงานและธนาคาร ยังมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ยังมีแรงซื้อเก็บ สำหรับ ปัจจัยการเมืองในประเทศ ถือเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม แต่ไม่มีผลต่อตลาดมากนัก
ด้าน นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6 มิ.ย.) ดัชนีปรับตัวลงต่อในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค จากความกังวลเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาไม่ดี ทั้งอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ทำให้วิตกกันว่าเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัวต่อไป
ขณะที่ ปัจจัยภายในประเทศนักลงทุนต่างชาติยังคงขายต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกับสถาบัน จึงทำให้นักลงทุนรายย่อยไม่กล้าเข้ามาเล่น ส่วนเรื่องการเมืองในประเทศ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งความกังวลยิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (7 มิ.ย.) ดัชนีน่าจะปรับตัวลงต่อ แต่อาจมีการรีบาวนด์เป็นบางช่วง พร้อมให้แนวรับ 1,040-1,035 จุด แนวต้าน 1,055 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6 มิ.ย.) ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดวัน โดยปิดช่วงบ่ายที่ 1,046.16 จุด ลดลง 11.70 จุด หรือ -1.11% มูลค่าการซื้อขาย 18,474.17 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค หลังตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาไม่ดี
ระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,055.58 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,043.82 จุดหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 98 หลักทรัพย์ ลดลง 340 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 133 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,440.06 ล้านบาท ปิดที่ 3.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,156.38 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท ลดลง 3.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,102.00 ล้านบาท ปิดที่ 343.00 บาท ลดลง 4.00 บาท RAIMON มูลค่าการซื้อขาย 1,039.23 ล้านบาท ปิดที่ 1.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท และSCB มูลค่าการซื้อขาย 793.36 ล้านบาท ปิดที่ 107.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
โดย นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,148.08 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ที่ขายสุทธิ 687.68 ล้านบาท และ 650.23 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง ลบ 14.00 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 4,569.1 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. โดยลดลง 111.86 จุด หรือ 1.18% แตะที่ 9,380.35 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกง จีน และไต้หวัน ปิดทำการเนื่องในวันหยุด
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่าแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดัชนีเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาค ช่วงต้นสัปดาห์ อาทิ จีน ไต้หวัน เกาหลี จะปิดทำงาน เนื่องในวันประจำชาติ ซึ่งจะทำให้ทิศทางตลาดหุ้น อิงกับตลาดหุ้นในยุโรป ซึ่งมีความกังวลในปัญหาภาวะหนี้เสียของยูโรโซน ขณะที่ หุ้นพลังงานและธนาคาร ยังมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ยังมีแรงซื้อเก็บ สำหรับ ปัจจัยการเมืองในประเทศ ถือเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม แต่ไม่มีผลต่อตลาดมากนัก
ด้าน นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6 มิ.ย.) ดัชนีปรับตัวลงต่อในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค จากความกังวลเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาไม่ดี ทั้งอัตราการว่างงานที่สูงขึ้น รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ทำให้วิตกกันว่าเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัวต่อไป
ขณะที่ ปัจจัยภายในประเทศนักลงทุนต่างชาติยังคงขายต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกับสถาบัน จึงทำให้นักลงทุนรายย่อยไม่กล้าเข้ามาเล่น ส่วนเรื่องการเมืองในประเทศ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งความกังวลยิ่งเพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (7 มิ.ย.) ดัชนีน่าจะปรับตัวลงต่อ แต่อาจมีการรีบาวนด์เป็นบางช่วง พร้อมให้แนวรับ 1,040-1,035 จุด แนวต้าน 1,055 จุด
