ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยพุ่งต่ออีก 14 จุด ต่างชาติซื้ออีก 4.8พันล้าน ภาพรวมแค่ 2 วันแรกของเม.ย.ซื้อสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท ชี้กลุ่มพลังงานวิ่งนำตลาดดันดัชนีปรับตัวเพิ่มในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค โบรกฯเตือนปรับตัวขึ้นแรงหลายวัน อาจมีการปรับฐาน เทขายกำไรเกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4เม.ย.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิอีก 4,802.15 ล้านบาท ทำให้เพียงแค่ 2 วันแรกของเดือนเมษายน(วันที่ 1และ 4เม.ย.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิแล้ว 13,106.92ล้านบาท โดยปิดที่ระดับ 1,078.66 จุด เพิ่มขึ้น 14.31 จุด หรือ +1.34% มูลค่าการซื้อขาย 41,948.76 ล้านบาท ทั้งนี้การปรับตัวของดัชนีหุ้นไทย เป็นการปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค
โดยระหว่างวันดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,080.49 จุด และต่ำสุดที่ 1,073.92 จุด หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 252 หลักทรัพย์ ลดลง 165 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 146 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ คือ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,965.56 ล้านบาท ปิดที่ 786.00 บาท เพิ่มขึ้น 14.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,529.94 ล้านบาท ปิดที่ 193.50 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 2,358.74 ล้านบาท ปิดที่ 162.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,215.79 ล้านบาท ปิดที่ 368.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท และIRPC มูลค่าการซื้อขาย 2,145.73 ล้านบาท ปิดที่ 6.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท
ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาค เริ่มที่ ดัชนีสเตรทไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 3,140.62 จุด เพิ่มขึ้น 20.15 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 24,150.58 จุด เพิ่มขึ้น 348.68 จุด ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 9,718.89 จุด เพิ่มขึ้น 10.50 จุด
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ปรับตัวขึ้น แรงตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายช่วงเช้ามาจากแรงซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ อย่างกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ขณะที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อ เนื่อง ถือเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนให้ตลอดทั้งวันดัชนีฯเคลื่อนไหวในแดนบวกได้
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ปัจจัยที่ขับเคลื่อนดัชนีมาจากเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ดัชนีฯก็ยังยืนแดนบวกและปรับขึ้นต่อได้ โดยหุ้นที่นำตลาดยังเป็นกลุ่มพลังงาน ที่ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งกลุ่มแบงก์ จากแรงเก็งกำไรผลประกอบการงวดไตรมาส 1/54 ว่าจะออกมาดี
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(5 เม.ย.) คาดว่าดัชนีในช่วง 1-2 วันข้างหน้า อาจเริ่มมีการพักฐาน หลังจากปรับตัวขึ้นแรงมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,070-1,060 จุด แนวต้าน 1,080-1,085 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4เม.ย.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิอีก 4,802.15 ล้านบาท ทำให้เพียงแค่ 2 วันแรกของเดือนเมษายน(วันที่ 1และ 4เม.ย.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิแล้ว 13,106.92ล้านบาท โดยปิดที่ระดับ 1,078.66 จุด เพิ่มขึ้น 14.31 จุด หรือ +1.34% มูลค่าการซื้อขาย 41,948.76 ล้านบาท ทั้งนี้การปรับตัวของดัชนีหุ้นไทย เป็นการปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค
โดยระหว่างวันดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,080.49 จุด และต่ำสุดที่ 1,073.92 จุด หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 252 หลักทรัพย์ ลดลง 165 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 146 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ คือ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,965.56 ล้านบาท ปิดที่ 786.00 บาท เพิ่มขึ้น 14.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,529.94 ล้านบาท ปิดที่ 193.50 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 2,358.74 ล้านบาท ปิดที่ 162.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,215.79 ล้านบาท ปิดที่ 368.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท และIRPC มูลค่าการซื้อขาย 2,145.73 ล้านบาท ปิดที่ 6.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท
ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาค เริ่มที่ ดัชนีสเตรทไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 3,140.62 จุด เพิ่มขึ้น 20.15 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 24,150.58 จุด เพิ่มขึ้น 348.68 จุด ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 9,718.89 จุด เพิ่มขึ้น 10.50 จุด
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ปรับตัวขึ้น แรงตั้งแต่เปิดตลาดซื้อขายช่วงเช้ามาจากแรงซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ อย่างกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ขณะที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อ เนื่อง ถือเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนให้ตลอดทั้งวันดัชนีฯเคลื่อนไหวในแดนบวกได้
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ปัจจัยที่ขับเคลื่อนดัชนีมาจากเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติที่ยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ดัชนีฯก็ยังยืนแดนบวกและปรับขึ้นต่อได้ โดยหุ้นที่นำตลาดยังเป็นกลุ่มพลังงาน ที่ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งกลุ่มแบงก์ จากแรงเก็งกำไรผลประกอบการงวดไตรมาส 1/54 ว่าจะออกมาดี
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(5 เม.ย.) คาดว่าดัชนีในช่วง 1-2 วันข้างหน้า อาจเริ่มมีการพักฐาน หลังจากปรับตัวขึ้นแรงมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน พร้อมให้แนวรับ 1,070-1,060 จุด แนวต้าน 1,080-1,085 จุด