xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯกำไรพุ่ง ฟันค่านายหน้าอื้อ คาดไตรมาส 2 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วอลุ่มการซื้อขายโต หนุนปริมาณการซื้อขายหุ้นพุ่ง ไตรมาส 1 กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์กำไรถ้วนหน้า หลายแห่งจากเดิมช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนก็พลิกเป็นกำไร แถมรายได้จากธุรกิจอนุพันธ์ยังปรับตัวสูง อีกทั้งพอร์ตลงทุนช่วยกอบโกยกำไร คาดไตรมาส 2 ยังโตต่อเนื่อง แต่หลังจบเลือกตั้งใน Q3 น่าปรับตัวลง ก่อนขึ้นแรงส่งท้ายในไตรมาส 4

ในไตรมาส 1/2554 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้ประกาศผลดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีและ โดยพบว่า บล.เอเซียพลัส มีกำไรสุทธิ 189.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2553 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 110.22 ล้านบาท โดยมีรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ 355.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น63.60% จาก Q1/53 เนื่องจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันและในตลาด mai เพิ่มขึ้นเป็น 27,659.27 ล้านบาท สูงขึ้นกว่า 65.07% จากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเมื่อไตรมาส1/53 ที่มี 16,756.48 ล้านบาท และมีกำไรจากการซื้อขายเงินลงทุนจากหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ในไตรมาส 1/54 จำนวน 98.09 ล้านบาท สูงขึ้นจาก Q1/53 ที่มี 57.64 ล้านบาท

ขณะที่ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มีกำไรสุทธิ 198.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41.46% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมี 140.03 ล้านบาท โดยมีรายได้จากค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 183.29 ล้านบาท เป็น 671.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37.52% เนื่องมาจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น

ด้าน บล.บัวหลวง ไตรมาส 1/54 มีกำไรสุทธิ 107.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส1/53 ที่มีกำไรสุทธิ 81.04 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.29 บาท, บล.บีฟิท มีกำไรสุทธิ 5.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 3.12 ล้านบาท, บล. ฟินันเซีย ไซรัส มีกำไรสุทธิ 32.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/53 ที่มีกำไรสุทธิ 2.86 ล้านบาท

สำหรับ บล.เคจีไอ มีกำไรสุทธิ 112.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.99 ล้านบาท, บริษัททุน ภัทร มีกำไรสุทธิ 179.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส1/53 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 126.51 ล้านบาท, บล.ซิกโก้ กำไรสุทธิ 17.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนซึ่งขาดทุนสุทธิ 5.26 ล้านบาท, บล.ยูโอบี เคย์เฮียน มีกำไรสุทธิ 39.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 14.17 ล้านบาท เมื่อไตรมาส 1/53, บล.ยูไนเต็ด มีกำไรสุทธิ 7.02 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 12.36 ล้านบาท และ บล.ซีมิโก้ มีกำไรสุทธิ 3.31 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 22.23 ล้านบาท, ส่วนบล.คันทรี่ กรู๊ปยังไม่พบข้อมูล

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้การ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด กล่าวให้ความเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผลดำเนินงานในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทุก บล.จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุนกิจหลัก คือ ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีรายได้ที่ดี เติบโตตามวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ประมาณ 28,000 ล้านบาท ซึ่งอาจดูน้อยกว่าวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงไตรมาส 4/53 ซึ่งอยู่ที่ 32,000 ล้านบาท แต่ยังเป็นวอลุ่มการซื้อขายที่อยู่ในระดับสูง แม่วงต้นปีดัชนีหลักทรัพย์จะปรับตัวลดลงมาก หลักปีก่อนมีการปรับตัวขึ้นไปสูงก็ตาม

ขณะเดียวกัน นอกจากรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว นายกัณฑรา มองว่า ธุรกิจอื่นๆ ก็ช่วยสร้างรายได้ และกำไรให้กับบล.เพิ่มขึ้น เช่น รายได้จากธุรกิจอนุพันธ์ ที่ในปีนี้การเติบโตที่โดเด่นมาก เนื่องจากหลาย บล.ลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจหลักเพียงอย่างเดียว ตามแผนรองรับการเปิดตัวเสรีในปี 2555 นอกจากนี้ พอร์ตการลงทุนของ บล.เองก็มีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ บล.ที่มีพอร์ตลงทุนมีกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“โดยรวมนอกจากค่านายหน้าซื้อขายหุ้น บล.ก็ยังกำไรสูงจากพอร์ตลงทุน และรายได้จากธุรกิจเสริมจากตลาดอนุพันธ์ ซึ่งมองว่า ในไตรมาส 2 นี้ จากดัชนีที่ยังปรับตัวสูงขึ้น และเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาในเอเชียรวมถึงไทยด้วยแล้ว น่าจะทำให้ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของทุก บล.เติบโตขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมาได้ แต่เมื่อถึงไตรมาส3 หรือพอจบการเลือกตั้งรายได้น่าจะปรับตัวลง เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซันของทุกธุรกิจรวมถึงธุรกิจโบรกเกอร์ด้วย และจะฟื้นกลับมาดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายอีกครั้ง”

ก่อนหน้านี้ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า ในปีนี้พอร์ตการลงทุนของบริษัท น่าจะมีกำไรราว 100% ของวงเงิน ที่ลงทุน ซึ่งในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันพบว่าสามารถทำกำไรได้แล้วถึง 50% ส่วนใหญ่เป็นพอร์ต การลงทุนระยะสั้น โดยบริษัทมีเงินลงทุนทั้งหมดประมาณ 125 ล้านบาท แต่ปัจจุบันได้ใช้ เงินลงทุนไปแล้วราว 40 ล้านบาท

นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2554 ของหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์คาดว่ากำไรสุทธิจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ที่เพิ่มขึ้นถึง 50% แต่กำไรสุทธิจะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนตามวอลุ่มที่ลดลงเช่นเดียวกัน

โดยปัจจัยดังกล่าวสนับสนุนให้แต่ละบริษัทมีรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น และยังมีกำไรจากพอร์ตการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งบริษัทที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิจากพอร์ตการลงทุนสูง คือ PHATRA และ ASP เพราะมีสัดส่วนพอร์ตลงทุนสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น