xs
xsm
sm
md
lg

ผวา! เพื่อไทย ฝรั่งหนีรอนายกฯใหม่ชัด-คาดหลังเลือกตั้งหุ้นยังผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ต่างชาติผิดคาด หลังกระแสนิยม “เพื่อไทย” มาแรง จ่อได้ตั้งรัฐบาลใหม่ บวกปัจจัยลบทั่วโลกกระหน่ำ แห่เทขายทำกำไรหุ้นไทยไม่หยุด เพื่อถือเงินสด หรือไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ หวังรอดูความชัดเจนในนโยบายเศรษฐกิจ-การลงทุนรัฐบาล ชี้แม้เลือกตั้งแล้วเสร็จและคว้าชัย แต่เม็ดเงินต่างประเทศก็ยังไม่กลับมา แต่จะรอดูท่าทีนายกฯคนใหม่ จะทำเพื่อประเทศ หรือทำเพื่อญาติ หากเป็นอย่างหลัง...ดัชนีส่อลงยาว เพราะเรื่องวุ่นๆ ในไทยน่าจะตามมาอีก

แหล่งข่าววงการตลาดทุนรายหนึ่ง เปิดเผยว่า สาเหตุที่ช่วงนี้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยออกไปมากนั้น มาจากปัจจัยการเมืองในประเทศที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งเดิมนักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจว่า รัฐบาลชุดเดิมจะกลับมา จึงเชื่อมั่นว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจและการลงทุนที่เคยเดินหน้าไว้ จะมีการสานต่อทำให้หลายฝ่ายสามารถมองภาพประเทศไทยได้ชัดเจนขึ้น แต่จากความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งที่ผ่านมา และผลโพลที่มีการสำรวจ ซึ่งพบว่า พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้ง จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่ค่อยมั่นใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทยในช่วงนี้ เนื่องจากหากกลุ่มฝ่ายค้านเดิมชนะการเลือกตั้ง ย่อมมีผลต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจและการลงทุนที่มีอยู่ อาจหยุดลงไปหรือไม่มีการสานต่อ และมีการปรับเปลี่ยนนโยบายในการบริหารประเทศใหม่ ซึ่งจะมีผลกระทบและใช้ระยะเวลา อีกทั้งยิ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติกังวลต่อเสถียรภาพการเมืองในไทย ซึ่งหลายฝ่ายหวั่นวิตกว่า อาจจะมีการชุมนุมต่อต่อต้านหรือการปะทะเกิดขึ้นอีก ภายหลังการเลือกตั้ง

ขณะเดียวกัน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีหลักทรัพย์ และราคาหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเร็วและแรง จึงมีการเทขายเพื่อทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากกองทุนต่างๆ ที่เข้ามาลงทุน เพื่อถือเงินสด และรอดูความชัดเจนหลังการเลือกตั้งของไทยว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

อีกทั้งขณะนี้ทั่วโลก มีปัจจัยลบเพิ่มขึ้นหลายอย่าง เช่น มาตรการ Q2 ของสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แย่ รวมถึงปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรป เศรษฐกิจจีนที่ชะลอความร้อนแรงลง ทำให้นักลงทุนและกองทุนส่วนมากเลือกถือครองเงินสดมากขึ้น หรือเข้าหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแทน รวมถึงจากสภาพวะเงินเฟ้อในประเทศไทยมีการเติบโตมากขึ้น เช่นเดียวกับโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในครั้งต่อไป ซึ่งปัจจัยเหล่าก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดคำสั่งเทขายหุ้นไทยจากภายนอกประเทศมีเพิ่มขึ้นอีก

“ถ้า พรรคเพื่อไทย ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ก็มองว่าดัชนีหุ้นไทยจะลงไปอยู่ในแดนลบสักระยะหนึ่ง เพราะจะเกิดแรงเทขายต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการตั้งรัฐบาล และทีมเศรษฐกิจ รวมทั้งนโยบายที่ชัดเจนออกมารวมถึงต้องดูความตั้งใจของรัฐบาลใหม่ด้วย ว่าจะมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือประชาชน หรือจะเดินหน้าแต่เรื่องส่วนตัว เพราะถ้า 3 เดือนหลังเลือกตั้ง ยังมีแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวมากกว่า ก็น่าจะทำให้เกิดการต่อต้านหรือการประท้วง ซึ่งหมายถึงดัชนีน่าจะยิ่งปรับตัวลงนักลงทุนต่างประเทศ ไม่กังวลเรื่องตัวบุคคลที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากเป็นคุณยิ่งลักษณ์ เขาก็จะดูว่า ตกลงในที่สุดแล้วมีนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างไร มีทีมงานอย่างไร จะดำเนินการอย่างไร หากไม่ไปยุ่งหรือทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ นักลงทุนต่างชาติก็จะมีความมั่นใจ และอาจกลับมาลงทุนต่อ ขณะที่ ถ้าเป็นคุณอภิสิทธิ์ กลับมาก็ต้องยอมรับว่า จากที่เคยเป็นรัฐบาลชุดก่อน ดังนั้นนโยบายต่างๆก็จะมีการสานต่อ ทำให้มองภาพเมืองไทยได้ง่าย การลงทุนก็จะกลับมาไว” แหล่งข่าว กล่าวย้ำว่า

ดังนั้น สิ่งสำคัญ หากพรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แหล่งข่าวมองว่า นางสาว ยิ่งลักษณ์ จะต้องไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความต่างๆ ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นพี่ชาย เพราะจะกลายเป็นการจุดชนวนความไม่มั่นใจต่อนักลงทุนต่างชาติ แต่หากยิ่งลักษณ์มุ่งเดินหน้าทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น เชื่อว่า จะสร้างความมั่นใจมากกว่า

ส่วนปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทย แหล่งข่าวกล่าวว่า ด้านงบประมาณในการบริหารประเทศขณะนี้ยังมีความแข็งแกร่ง งบประมาณขาดดุลไม่มีปัญหา รัฐบาลใหม่สามารถเข้ามาดำเนินนโยบายของตนได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการลงทุนด้านสาธารณูปโภค โครงสร่างพื้นฐาน ภาคอุตสาหกรรม หรือภาคการเกษตร

สำหรับเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทย จากเดิมที่นักลงทุนต่างชาติคาดการณ์ไว้ว่าอาจได้เห็น 1,400 จุดในปีนี้ นั่นเป็นการคาดการณ์ไปทางน้ำหนักที่เชื่อกันว่า พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล จะชนะการเลือกตั้งกลับมา ซึ่งหากเป็นอีก เชื่อว่า หลายโบรกเกอร์น่าจะการปรับประเมินเป้าดัชนีใหม่อีกครั้ง

ล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และการลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,020.37 จุด ลดลง 3.54% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 15.94% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 27,365.87 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่องในวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดี จากแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร ตามการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งผลจากการที่โบรกเกอร์ต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย ท่ามกลางความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ดี ดัชนีฟื้นตัวในวันศุกร์ จากแรงซื้อกลับของกองทุนในประเทศ

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ระหว่างวันที่ 13-17 มิ.ย.นี้ คาดว่า ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวได้ จากการเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเลือกตั้ง โดยยังคงต้องติดตามปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก อันได้แก่ พัฒนาการของการแก้ปัญหาหนี้ในยูโรโซน ราคาน้ำมันตลาดโลก ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และการผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,017 และ 988 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,042 และ 1,050 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น