กรุงศรีฯลั่นดัน ROE ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม จากอันดับ 5 ในปัจจุบัน พร้อมทุ่มพันล้านรีโนเวท-รีแบรนดิ้งสาขา 33 แห่ง ปัดไม่เคยเจรจาขายหุ้นให้กลุ่มอาร์เอชบี เบอร์ฮาด มั่นใจศักยภาพของธนาคารยังแกร่ง
นายแดน ฮาร์โซโน ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ตั้งเป้ามีผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROE) ในปี 2556 เป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม จากปัจจุบันที่มี ROE อยู่ในอันดับ 5 โดยหลังจากสิ้น ณ ไตรมาส 1 บริษัท มี ROE เติบโต 11-12% เทียบกับปี 2553 ที่การเติบโตไม่ถึงระดับตัวเลข 2 หลัก ซึ่งเป็นการเติบโตไปในระดับเดียวกับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 12%
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งงบไว้ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุง (Renovate) และรีแบรนดิ้ง สาขาเดิมจำนวน 66 สาขาในปีนี้ โดยแบ่งเป็น สาขาในเขตกรุงเทพฯ 33 สาขา และต่างจังหวัดอีก 33 สาขา รวมถึงธนาคารมีแผนที่จะรีโนเวทสาขาที่เพลินจิต ซึ่งในอดีตเคยเป็นสาขาสำนักงานใหญ่ โดยใช้งบลงทุน 400-500 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างขั้นตอนการทำงานเพื่อปรับการออกแบบให้สอดคล้องกับโครงการเพลินจิตซิตี้ ที่ได้มีการร่วมมือกับอีก 4 พันธมิตรทางธุรกิจ
สำหรับในปี 2553 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ใช้งบลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อใช้รีโนเวตและรีแบรนดิ้งสาขาเดิมไปแล้วจำนวน 51 สาขา โดยสาเหตุที่ใช้เงินจำนวนมาก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวนอกเหนือจากการปรับปรุงในส่วนของอาคาร ยังได้มีการลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีและระบบคอมพิวเตอร์
**ปัดแบงก์มาเลย์จ้องฮุบ**
นายแดนยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า กลุ่ม RHB Banking Group (RHB) จากประเทศมาเลเซียจะเข้ามาเจรจาซื้อกิจการว่า ไม่เคยเจรจาตามที่เป็นข่าว อีกทั้งธนาคารยังไม่เคยมีการเจรจากับกลุ่มใด เนื่องจากยังไม่มีประเด็นและความจำเป็นที่จะต้องขายหุ้น โดยธนาคารยังมีศักยภาพและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากการที่ธนาคารมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านของเทคโนโลยีสาขาและบุคลากร
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบันประกอบไปด้วยกลุ่มรัตนรักษ์ เป็นผู้ถือหุ้นสัดส่วน 25% กลุ่ม GE 33% และเป็นฟรีโฟลทที่กระจายอยู่ในตลาดฯ 42% ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อหุ้น
ในส่วนดังกล่าวได้
“ขอยืนยันว่า ธนาคารไม่เคยเจรจากับ RHB แต่อย่างใด เห็นได้จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของเรา ที่จีอีถือ 33% รัตนรักษ์ 25% และฟรีโฟลต 25% ที่อยู่ในตลาด ซึ่งส่วนนี้ใครก็สามารถซื้อขายหุ้นได้ แล้วธนาคารก็มีผลการดำเนินงานและการเติบโตที่แข็งแกร่ง จึงไม่เห็นประเด็นที่เราต้องขายหุ้น เรามีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุนที่มีต่อเนื่องในด้านต่างๆ ทั้งเทคโนโลนีสาขา จึงขอยืนยันว่าธนาคารไม่เคยเจรจากับกลุ่มไหน แต่ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่จีอีเราไม่สามารถตอบแทนเขาได้" นายแดน กล่าว
พร้อมกันนี้ นายมาร์ค จอห์น อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่ปรากฏข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า ธนาคารอาร์เอชบี เบอร์ฮาด อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้ามาถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และใกล้จะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้นั้น ขอชี้แจงว่า ธนาคารอาร์เอชบี เบอร์ฮาด ไม่ได้มีการติดต่อหรือเจรจากับธนาคารเกี่ยวกับการเข้าเป็นผู้ซื้อหุ้นแต่อย่างใด
นายแดน ฮาร์โซโน ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ตั้งเป้ามีผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROE) ในปี 2556 เป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม จากปัจจุบันที่มี ROE อยู่ในอันดับ 5 โดยหลังจากสิ้น ณ ไตรมาส 1 บริษัท มี ROE เติบโต 11-12% เทียบกับปี 2553 ที่การเติบโตไม่ถึงระดับตัวเลข 2 หลัก ซึ่งเป็นการเติบโตไปในระดับเดียวกับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 12%
นอกจากนี้ ธนาคารตั้งงบไว้ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุง (Renovate) และรีแบรนดิ้ง สาขาเดิมจำนวน 66 สาขาในปีนี้ โดยแบ่งเป็น สาขาในเขตกรุงเทพฯ 33 สาขา และต่างจังหวัดอีก 33 สาขา รวมถึงธนาคารมีแผนที่จะรีโนเวทสาขาที่เพลินจิต ซึ่งในอดีตเคยเป็นสาขาสำนักงานใหญ่ โดยใช้งบลงทุน 400-500 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างขั้นตอนการทำงานเพื่อปรับการออกแบบให้สอดคล้องกับโครงการเพลินจิตซิตี้ ที่ได้มีการร่วมมือกับอีก 4 พันธมิตรทางธุรกิจ
สำหรับในปี 2553 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ใช้งบลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อใช้รีโนเวตและรีแบรนดิ้งสาขาเดิมไปแล้วจำนวน 51 สาขา โดยสาเหตุที่ใช้เงินจำนวนมาก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวนอกเหนือจากการปรับปรุงในส่วนของอาคาร ยังได้มีการลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีและระบบคอมพิวเตอร์
**ปัดแบงก์มาเลย์จ้องฮุบ**
นายแดนยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า กลุ่ม RHB Banking Group (RHB) จากประเทศมาเลเซียจะเข้ามาเจรจาซื้อกิจการว่า ไม่เคยเจรจาตามที่เป็นข่าว อีกทั้งธนาคารยังไม่เคยมีการเจรจากับกลุ่มใด เนื่องจากยังไม่มีประเด็นและความจำเป็นที่จะต้องขายหุ้น โดยธนาคารยังมีศักยภาพและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากการที่ธนาคารมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านของเทคโนโลยีสาขาและบุคลากร
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบันประกอบไปด้วยกลุ่มรัตนรักษ์ เป็นผู้ถือหุ้นสัดส่วน 25% กลุ่ม GE 33% และเป็นฟรีโฟลทที่กระจายอยู่ในตลาดฯ 42% ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อหุ้น
ในส่วนดังกล่าวได้
“ขอยืนยันว่า ธนาคารไม่เคยเจรจากับ RHB แต่อย่างใด เห็นได้จากโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของเรา ที่จีอีถือ 33% รัตนรักษ์ 25% และฟรีโฟลต 25% ที่อยู่ในตลาด ซึ่งส่วนนี้ใครก็สามารถซื้อขายหุ้นได้ แล้วธนาคารก็มีผลการดำเนินงานและการเติบโตที่แข็งแกร่ง จึงไม่เห็นประเด็นที่เราต้องขายหุ้น เรามีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุนที่มีต่อเนื่องในด้านต่างๆ ทั้งเทคโนโลนีสาขา จึงขอยืนยันว่าธนาคารไม่เคยเจรจากับกลุ่มไหน แต่ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่จีอีเราไม่สามารถตอบแทนเขาได้" นายแดน กล่าว
พร้อมกันนี้ นายมาร์ค จอห์น อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่ปรากฏข่าวในหนังสือพิมพ์ว่า ธนาคารอาร์เอชบี เบอร์ฮาด อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้ามาถือหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และใกล้จะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้นั้น ขอชี้แจงว่า ธนาคารอาร์เอชบี เบอร์ฮาด ไม่ได้มีการติดต่อหรือเจรจากับธนาคารเกี่ยวกับการเข้าเป็นผู้ซื้อหุ้นแต่อย่างใด
