"มาร์ค" ยกทีม ศก. บุกตลาดหุ้น อ้อนขอโอกาสเป็นรัฐบาลต่อ พร้อมแวะหาเสียงที่โรงอาหารฯ ลั่นผลักดันตลาดหุ้นไทยสู่อินเตอร์ พร้อมสานต่องานพัฒนาตลาดทุน ฟุ้งดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวขึ้นสดใส หลังพรรค ปชป. เข้ามาบริหารงาน
มีรายงานข่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรค , นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กทม. , นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับ 35 พรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองเตย ได้เดินทางมาหาเสียงที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หลังจากที่ได้พาผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองเตย ไปหาเสียงที่ตลาดคลองเตยมาแล้วในช่วงเช้า
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญของพรรคเดินทางมาถึง ตลท.แล้ว ก็ได้เดินเข้าไปเยี่ยมชมห้องสมุดมารวย รวมทั้งห้องโถงอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการ ตลท. ให้การต้อนรับ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี จากเจ้าหน้าที่ และประชาชน ในละแวกใกล้เคียง
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจพรรค ปชป. ได้เข้าไปพบปะกับพนักงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่บริเวณโรงอาหาร ซึ่งตรงกับช่วงเที่ยงที่พนักงานประมาณ 200-300 คนรับประทานอาหารกลางวัน และได้สร้างความสนใจให้กับพนักงานฯ มากพอสมควร บางคนถือโอกาสถ่ายรูปกับหัวหน้าพรรค ปชป. ด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองขอโอกาสให้พรรค ปชป. ได้ทำงานอีก 4 ปี เพื่อประโยชน์และการสานต่องานให้ประชาชน รวมถึงองค์กรตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีการเผาตลาดหลักทรัพย์ฯ จากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
ทั้งนี้ ถือว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความสำคัญระดับประเทศในแง่เศรษฐกิจภาพรวม เนื่องจากเป็นแหล่งระดมทุนขนาดใหญ่ โดยหากพรรค ปชป. ได้เป็นรัฐบาลต่อ จะเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านธรรมาภิบาล พัฒนาเทคโนโลยีระบบการซื้อ-ขายให้มีความทัดเทียมกับต่างชาติ และผลักดันให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นช่องทางหนึ่งในการออมที่น่าสนใจจากนักลงทุน
สำหรับภาวะเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ แม้จะเติบโตดีโดยจะเห็นได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากที่พรรค ปชป. เข้ามาเป็นรัฐบาล ซึ่งพบว่าดัชนีหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แต่หลังจากนี้ไป ยังจะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องราคาสินค้า ทั้งด้านอาหารและพลังงาน หลังจากได้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว