“ไทยคม” แจ้งตลาดหลักทรัพย์ บ.ย่อยลงนามให้บริการไอพีสตาร์ในมาเลย์ เซ็นสัญญา 10 ปี เริ่มให้บริการ 1 ก.ย.นี้ “อารักษ์” แย้มมูลค่าหลายพันล้าน ส่วนไทยคม 6 ยังเคว้ง ต้องรอ รมต.ไอซีที เคาะ แต่เห็นด้วยกับการมีดาวเทียมสำรอง พร้อยเผยผลสอบเบื้องต้น ไทยคม 5 เดี้ยง
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยระบุว่า บริษัท ไอพีสตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไพรเวท ลิมิเต็ด (iPSTAR International Private Limited) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ได้มีหมายกำหนดการจะลงนามในสัญญาให้บริการไอพีสตาร์ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งรวมถึงแบนด์วิชและอุปกรณ์ภาคพื้นดิน กับบริษัทย่อยของบริษัท เมียแซ็ท โกลบอล จำกัด (MEASAT Globalberhad หรือ MEASAT) เมื่อเวลาประมาณ 11.00 นาฬิกา วันที่ 30 พฤษภาคม 2554 (วันนี้)
ทั้งนี้ สัญญาดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลา 10 ปี โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2554 การเซ็นสัญญาให้บริการไอพีสตาร์กับ MEASAT ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญยิ่งอันหนึ่งของธุรกิจไอพีสตาร์ของบริษัท
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร THCOM กล่าวว่า สัญญาให้บริการไอพีสตาร์กับมาเลเซียมีมูลค่าหลายพันล้านบาท ตลอดอายุสัญญาให้บริการ 10 ปี โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2554 และคาดว่า สิ้นปี 2554 อัตราการใช้ช่องสัญญาณไอพีสตาร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25%
ส่วนความคืบหน้าในการยิงดาวเทียมดวงที่ 6 หรือไทยคม 6 ขึ้นสู่วงโคจรที่ 78.5 องศาตะวันออก เพื่อมาเป็นดาวเทียมสำรองของไทยคม 5 ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งยังไม่สามารถหาข้อสรุปสุดท้ายได้ และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็ยังต้องรอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ลงนามในคำสั่งอนุมัติให้ไทยคมดำเนินการในเรื่องนี้ได้
“เราคุยกันมานานแล้ว และท่าทีสองฝ่ายดีขึ้นมาตามลำดับ จากเดิมสายตาของรัฐมองเราด้วยมิติที่ไม่ไว้วางใจ แต่วันนี้มีความเข้าใจมากขึ้น”
สำหรับสาเหตุที่การเจรจายังไม่สามารถหาข้อยุติได้ เนื่องจากบริษัทยังต้องการรายละเอียดบางส่วนรวมไปถึงประเด็นที่ว่าบริษัทจะได้อะไรมาเพื่อชดเชย หากรัฐไม่เห็นด้วยหรือไม่สามารถขยายอายุสัมปทานของบริษัทที่จะหมดลงในอีก 9 ปีออกไปอีก
“เรื่องการขยายอายุสัมปทานออกไปเคยเป็นเงื่อนไขหนึ่งของเราในการเจรจาในอดีต แต่เราก็เข้าใจว่าในความเป็นจริงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลหรือผู้บริหารกระทรวงจะขยายอายุสัมปทานออกไปให้ แต่เราก็ยังหวังอยู่ซึ่งก็รอข้อเสนอของกระทรวงอยู่ด้วย”
ส่วนปัญหาทางเทคนิคดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุสุริยะ ทำให้การเกิดทีวีจอดำเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและเกิดกระแสข่าวลือว่าจะเกิดการปฏิวัติ ล่าสุด ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า สาเหตุที่ดาวเทียมไทยคม 5 ขัดข้องทางเทคนิคเกิดจากสายอากาศที่ต้องชี้มาทางโลกของดาวเทียมไทยคม 5 หันไปทางดวงอาทิตย์ เพราะโซลาแฟร์หรือจุดดำในดวงอาทิตย์ระเบิด ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าในปริมาณที่สูง
ปัจจุบันประเทศไทยมีดาวเทียมที่ใช้งาน 2 ดวง ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม 5 อยู่ที่วงโคจร 78.5 องศาตะวันออก และดาวเทียม ไอพีสตาร์อยู่ที่วงโคจร 119.5 องศาตะวันออก ส่วนเรื่องเงินประกันที่เกิดจากความเสียหายของไทยคม 5 กระทรวงไอซีที ได้ส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว
