ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ชี้ เตรียมจัดทำแผนวิสัยทัศน์ตลาดทุนระยะยาว เสร็จ 2 เดือนก่อนจัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จ เพื่อพร้อมเสนอให้รัฐบาลสมัยหน้าพิจารณา หวังได้รับความสนับสนุน-พัฒนาตลาดทุนไทยให้แข่งขันกับตลาดทุนต่างชาติได้ อีกทั้งเดินหน้าแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 2 “ไพบูลย์” แย้ม เตรียมเชิญ พรรคการเมือง เสนอนโยบายเกี่ยวกับตลาดทุน เชื่อ หากพรรคใดมีนโยบายดี ได้รับเสียงสนับสนุนจากฝั่งตลาดทุนแน่นอน
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการวิสัยทัศน์ตลาดทุนระยะยาว ในการกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยในอีก 10 ปี เพื่อนำไปจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 (2558-2563) โดยคณะกรรมการวิสัยทัศน์ตลาดทุนระยะยาวจะทำแผนเสร็จใน 2 เดือนก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจาก เมื่อรัฐบาลใหม่มีการจัดตั้งเสร็จก็จะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวให้พิจารณา เพื่อให้รัฐบาลใหม่มีการสนับสนุนและดำเนินนโยบายที่สอบคล้องซึ่งจะทำให้ตลาดทุนไทยมการพัฒนาและสามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นต่างประเทศได้
ทั้งนี้ กรอบที่จะมีการพิจารณา เช่น ตลาดทุนไทยควรที่จะมีกี่แข่ง การสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์สัญชาติไทยออกไปทำธุรกิจต่างประเทศ จากที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศได้มีการเข้ามาทำธุรกิจในไทย เช่น บริษัทจาก มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และ ขนาดตลาดทุนไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร ฯลฯ โดยเมื่อมีการจัดทำแผนวิสัยทัศน์เสร็จแล้วก็จะทำให้สามารถจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 แทนฉบับที่ 1 ที่จะสิ้นสุดในปี 2557
“คณะกรรมการวิสัยทัศน์ฯนั้นสภาธุรกิจตลาดทุนได้มีการจัดตั้งขึ้นมาแล้ว ประกอบด้วยนายกสมาคมในตลาดทุน และได้มีการเชิญตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เป็นที่ปรึกษาในการจัดทำแผน” นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับสาเหตุที่จะมีการจัดทำแผนดังกล่าว เนื่องจากเมื่อมีการถามว่าตลาดทุนไทยในอนาคตหรือ 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีใครที่จะสามารถตอบได้ และไม่รู้จะเป็นอย่างไร ซึ่งทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจึงมองว่าควรที่จะมีการจัดทำวิสัยทัศน์ตลาดทุนไทยขึ้น เพื่อเป็นการทำหนดทิศทางตลาดทุนในอีก 10 ปีข้างหน้า และเมื่อแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 1 สิ้นสุดก็จะสามารถจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 2 ได้ และแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 2 ก็จะมุ่งเดินไปข้างหน้า จากแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 1 จะเน้นแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในช่วงที่ผ่านมา
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตลาดทุนโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเห็นได้จากปัจจุบันที่ตลาดหุ้นต่างประเทศมีการจะไปซื้อตลาดทุนอีกประเทศหนึ่ง เช่น ตลาดหุ้นเยอรมนี จะซื้อตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐอมริกา อังกฤษซื้อตลาดหุ้นแคนาดา จึงทำให้ตลาดทุนไทยจะต้องมีการปรับตัวและรองรับการแข่งขัน และจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อสร้างความน่าสนใจให้นักลงทุน และหลักทรัพย์ต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน
ทั้งนี้ จากการที่จะมีการเลือกตั้งใหม่นั้น ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย จะมีการจัดสัมนาขึ้น ในหัวข้อ “นโยบายพรรคการเมืองต่อตลาดทุน” ซึ่งจะเชิญพรรคการเมืองประมาณ 5 พรรค เพื่อนำเสนอนโยบายของแต่ละพรรค ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าหากพรรคไหนมีนโยบายต่อตลาดทุนที่ดี จะได้รับแรงสนับสนุนจากบุคคลในตลาดทุนแน่นอน จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของพรรคการเมืองที่จะเข้ามานำเสนอนโยบาย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการวิสัยทัศน์ตลาดทุนระยะยาว ในการกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยในอีก 10 ปี เพื่อนำไปจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 (2558-2563) โดยคณะกรรมการวิสัยทัศน์ตลาดทุนระยะยาวจะทำแผนเสร็จใน 2 เดือนก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจาก เมื่อรัฐบาลใหม่มีการจัดตั้งเสร็จก็จะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวให้พิจารณา เพื่อให้รัฐบาลใหม่มีการสนับสนุนและดำเนินนโยบายที่สอบคล้องซึ่งจะทำให้ตลาดทุนไทยมการพัฒนาและสามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นต่างประเทศได้
ทั้งนี้ กรอบที่จะมีการพิจารณา เช่น ตลาดทุนไทยควรที่จะมีกี่แข่ง การสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์สัญชาติไทยออกไปทำธุรกิจต่างประเทศ จากที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศได้มีการเข้ามาทำธุรกิจในไทย เช่น บริษัทจาก มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และ ขนาดตลาดทุนไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร ฯลฯ โดยเมื่อมีการจัดทำแผนวิสัยทัศน์เสร็จแล้วก็จะทำให้สามารถจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 แทนฉบับที่ 1 ที่จะสิ้นสุดในปี 2557
“คณะกรรมการวิสัยทัศน์ฯนั้นสภาธุรกิจตลาดทุนได้มีการจัดตั้งขึ้นมาแล้ว ประกอบด้วยนายกสมาคมในตลาดทุน และได้มีการเชิญตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เป็นที่ปรึกษาในการจัดทำแผน” นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับสาเหตุที่จะมีการจัดทำแผนดังกล่าว เนื่องจากเมื่อมีการถามว่าตลาดทุนไทยในอนาคตหรือ 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีใครที่จะสามารถตอบได้ และไม่รู้จะเป็นอย่างไร ซึ่งทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจึงมองว่าควรที่จะมีการจัดทำวิสัยทัศน์ตลาดทุนไทยขึ้น เพื่อเป็นการทำหนดทิศทางตลาดทุนในอีก 10 ปีข้างหน้า และเมื่อแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 1 สิ้นสุดก็จะสามารถจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 2 ได้ และแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 2 ก็จะมุ่งเดินไปข้างหน้า จากแผนพัฒนาตลาดทุนฉบับที่ 1 จะเน้นแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในช่วงที่ผ่านมา
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตลาดทุนโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเห็นได้จากปัจจุบันที่ตลาดหุ้นต่างประเทศมีการจะไปซื้อตลาดทุนอีกประเทศหนึ่ง เช่น ตลาดหุ้นเยอรมนี จะซื้อตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐอมริกา อังกฤษซื้อตลาดหุ้นแคนาดา จึงทำให้ตลาดทุนไทยจะต้องมีการปรับตัวและรองรับการแข่งขัน และจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อสร้างความน่าสนใจให้นักลงทุน และหลักทรัพย์ต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน
ทั้งนี้ จากการที่จะมีการเลือกตั้งใหม่นั้น ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย จะมีการจัดสัมนาขึ้น ในหัวข้อ “นโยบายพรรคการเมืองต่อตลาดทุน” ซึ่งจะเชิญพรรคการเมืองประมาณ 5 พรรค เพื่อนำเสนอนโยบายของแต่ละพรรค ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าหากพรรคไหนมีนโยบายต่อตลาดทุนที่ดี จะได้รับแรงสนับสนุนจากบุคคลในตลาดทุนแน่นอน จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของพรรคการเมืองที่จะเข้ามานำเสนอนโยบาย
