แบงก์ชาติมาตรการกู้บ้าน 0% 2 ปี ของรัฐกระตุ้นฟองสบู่อสังหาฯ-ไม่กระทบเป้าสินเชื่อแบงก์ อ้างวงเงินไม่สูง-แค่มาตรการระยะสั้น คาดแบงก์ออกแคมเปญสินเชื่อสู้
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงแนวนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ประชานมีบ้านหลังแรกผ่านสินเชื่อของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งในอัตราดอกเบี้ย 0% ใน 2 ปีแรก ว่า เป็นมาตรการที่เชื่อว่าจะจูงใจให้ประชาชนซื้อบ้านในช่วงเวลานี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธปท.ประเมินว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมใทรัพย์ เพราะจำนวนสินเชื่อที่ให้กู้ 25,000 ล้านบาท ไม่ได้เป็นวงเงินที่สูงมาก และเป็นมาตรการที่ใช้ในระยะสั้น และตามเงื่อนไขการซื้อบ้านหลังแรก ถือว่าเป็นความต้องการซื้อจริงของผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าการเก็งกำไร
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์นั้น รองผู้ว่าการธนาคาร ธปท.กล่าวว่า ในส่วนของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์นั้น อาจจะกระทบบ้าง แต่ในภาพรวมของการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้นั้น เชื่อว่า ไม่ได้กระทบให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวลดลง เพราะสินเชื่อที่ ธอส.จะปล่อยในโครงการนี้จำนวน 25,000 ล้านบาทถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับวงเงินสินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์
“มาตรการดังกล่าวป็นมาตรการที่รัฐต้องการช่วยให้ประชาชนมีบ้านหลังแรก ธปท.เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้อาจจะมองได้ว่าเป็นประชานิยม และสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมีวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ไปตรงกับสินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ แต่ในภาพรวมสินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์มีลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มากนัก”
ทั้งนี้ ธปท.รายงานตัวเลขสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยส่วนบุคคลล่าสุด สิ้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามียอดคงค้างการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของระบบธนาคารพาณิชย์ทั้งสิ้น 1.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 10.5% ขณะที่ยอดคงค้างของสินเชื่อที่ให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีทั้งสิ้น 361,834 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 3.1%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการรายงานกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ต่อธปท.ในปี 2554 นี้ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะมีการขยายตัวลดลง และธนาคารพาณิชย์จะมีการแข่งขันการให้สินเชื่อในส่วนนี้มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทำให้ประเมินว่า หากมาตรการดังกล่าวกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในระดับหนึ่ง จะเห็นธนาคารพาณิชย์ออกเงื่อนไขการกู้บ้านพิเศษมาแข่งขันกับมาตรการของรัฐ
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงแนวนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ประชานมีบ้านหลังแรกผ่านสินเชื่อของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งในอัตราดอกเบี้ย 0% ใน 2 ปีแรก ว่า เป็นมาตรการที่เชื่อว่าจะจูงใจให้ประชาชนซื้อบ้านในช่วงเวลานี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธปท.ประเมินว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมใทรัพย์ เพราะจำนวนสินเชื่อที่ให้กู้ 25,000 ล้านบาท ไม่ได้เป็นวงเงินที่สูงมาก และเป็นมาตรการที่ใช้ในระยะสั้น และตามเงื่อนไขการซื้อบ้านหลังแรก ถือว่าเป็นความต้องการซื้อจริงของผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าการเก็งกำไร
ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์นั้น รองผู้ว่าการธนาคาร ธปท.กล่าวว่า ในส่วนของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์นั้น อาจจะกระทบบ้าง แต่ในภาพรวมของการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้นั้น เชื่อว่า ไม่ได้กระทบให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวลดลง เพราะสินเชื่อที่ ธอส.จะปล่อยในโครงการนี้จำนวน 25,000 ล้านบาทถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับวงเงินสินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์
“มาตรการดังกล่าวป็นมาตรการที่รัฐต้องการช่วยให้ประชาชนมีบ้านหลังแรก ธปท.เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้อาจจะมองได้ว่าเป็นประชานิยม และสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งมีวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ไปตรงกับสินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ แต่ในภาพรวมสินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์มีลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มากนัก”
ทั้งนี้ ธปท.รายงานตัวเลขสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยส่วนบุคคลล่าสุด สิ้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามียอดคงค้างการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของระบบธนาคารพาณิชย์ทั้งสิ้น 1.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อน 10.5% ขณะที่ยอดคงค้างของสินเชื่อที่ให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีทั้งสิ้น 361,834 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 3.1%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการรายงานกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ต่อธปท.ในปี 2554 นี้ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะมีการขยายตัวลดลง และธนาคารพาณิชย์จะมีการแข่งขันการให้สินเชื่อในส่วนนี้มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทำให้ประเมินว่า หากมาตรการดังกล่าวกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในระดับหนึ่ง จะเห็นธนาคารพาณิชย์ออกเงื่อนไขการกู้บ้านพิเศษมาแข่งขันกับมาตรการของรัฐ
