xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.ผวาหลังเลือกตั้งวุ่น ม็อบฉุดความเชื่อมั่น ศก.ประชานิยมดันเงินเฟ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์ชาติห่วงปัจจัยการเมืองกระทบความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ หวั่นหลังการเลือกตั้งบ้านเมืองจะมีการประท้วงวุ่นวาย เหตุฝ่ายพ่ายแพ้ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ย้ำปัญหาเงินเฟ้อ ธปท.จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยสกัด หลังมีแรงกดดันจากนโยบายประชานิยมของพรรคการเมือง

นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “ทิศทางเศรษฐกิจไทยกับวิกฤตการณ์โลก” จัดโดยธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ว่า ปัจจัยการเมืองยังมีความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และเป็นปัญหาที่ ธปท.ยังให้ความกังวล ไม่ใช่เพราะเรื่องการเลือกตั้ง เพราะแม้ว่าการเลือกตั้งของเราจะเป็นไปได้เรียบร้อย แต่ปัญหาคือ ถ้าทุกกลุ่มยังไม่ยอมรับรัฐบาลใหม่ยังคงมีการประท้วงหรือมีการต่อต้านอยู่ ก็คงกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ และจะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

ส่วนกรณีที่นโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชานิยม จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น รองผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า หากรัฐบาลใหม่เข้ามาแล้วใช้จ่ายเงินมาก ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ตามหลักการแล้ว หากมีปัจจัยที่ทำให้ทีเงินเฟ้อเพิ่มกว่าที่ประมาณการ อัตราดอกเบี้ยนโยบายก็อาจจะต้องปรับขึ้นมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะมีผลให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นไปในระดับที่สูง

“ปีนี้การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเพื่อดูแลเงินเฟ้อ ยังเป็นความจำเป็นที่ ธปท.ต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับธนาคารกลางทั่วโลก แต่ ธปท.ไม่ได้ตั้งเป้าว่า ถ้าใช้นโยบายประชานิยมจะต้องขยับดอกเบี้ยทันที แต่จะพิจารณาเงินเฟ้อที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจเป็นหลัก รัฐบาลก็คงต้องพิจารณาปัญหาที่มีผลต่อเงินเฟ้อด้วย” นางอัจนา กล่าวและว่า ปัญหาอัตราเงินเฟ้อ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเศรษฐกิจไทย หรือเอเชียที่ขยายตัวได้ในระดับที่ดีเท่านั้นแต่กำลังเกิดขึ้นในประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และยุโรป รวมทั้งญี่ปุ่น

“การทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้แต่ไม่ร้อนแรงเป็นการดูแลอัตราเงินเฟ้อที่ดีที่สุด เพราะการไม่ขึ้นดอกเบี้ย หรือลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงมากนั้น จะทำให้ในอนาคตอัตราดอกเบี้ยต้องขึ้นไปสูงมากๆ และกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจมากกว่า”

รองผู้ว่าการ ธปท.กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีบางประเทศ เช่น จีน เริ่มใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนในการช่วยลดการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ เช่น ทางการจีนเริ่มปล่อยให้ค่าเงินหยวนสามารถแข็งค่าได้เพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อค่าเงินในภูมิภาค รวมทั้งทิศทางของค่าเงินบาท สำหรับ ธปท.ในขณะนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะใช้ค่าบาทแข็งลดเงินเฟ้อ แต่หากค่าเงินบาทในช่วงต่อไปจะแข็งขึ้นตามทิศทางของเงินหยวน และช่วยให้เงินเฟ้อในประเทศลดลง ธปท.ก็คงไม่ได้มีปัญหาอะไร

ส่วนราคาน้ำมันโลก คาดว่า จะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไป จนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 และค่อยๆ ลดลง อย่างไรก็ตาม ทิศทางของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ปีนี้ยังจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมองว่า อัตราการขยายตัวจะมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในช่วงต่อของการประมาณการ ของ ธปท.ที่ประมาณการไว้ที่ 4-5%
กำลังโหลดความคิดเห็น