กลุ่มเอสเอสฯ มั่นใจ “คนไทย” ได้บริหาร “เสริมสุข” เชื่อประชุมผู้ถือหุ้น 29 เม.ย.นี้ ไม่มีอะไรวุ่นวาย คาดรายย่อย 9% เทมติสนับสนุน
นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย กรรมการ บริษัท เอส เอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SSNL หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC ที่ถือหุ้น 32.60% ของทุนจดทะเบียน กล่าวว่า ขณะนี้ทางกลุ่มบริษัทมั่นใจว่า คนไทยน่าจะได้เข้าไปนั่งเป็นกรรมการเพื่อบริหารบริษัท เสริมสุข ได้ครบตามจำนวนที่เสนอชื่อมา 4 คน ประกอบด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ เรวัฒิ ฉ่ำเฉลิม, นายวิษณุ เครืองาม, นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย และ นายรังสรรค์ ธรรมมณีวงศ์ ซึ่งผลการตัดสินจะขึ้นอยู่กับการลงมติของผู้ถือหุ้นที่เข้ามาร่วมประชุมในวันที่ 29 เมษายน 2554 นี้
“โดยส่วนตัวมั่นใจว่า จะได้รับนั่งบริหารและกรรมการ ก็น่าจะเป็นไปตามที่ทางกลุ่มเอสเอสฯ เสนอรายชื่อไป การประชุมไม่น่า จะมีปัญหาอะไรและกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อยก็น่าจะลงมติให้ โดยส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับนักลงทุนรายใหญ่ที่อาจจะมีผลต่อการลงคะแนนเสียง แต่ประเมินว่าสถานการณ์การประชุมก็น่าจะดำเนินไปได้ดี และทางกลุ่มเอสเอสฯ ก็ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมและลงมติอยู่แล้ว และโดยส่วนตัวก็คงไม่ได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้”
ด้าน บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง ผู้ถือหุ้นของบริษัท เสริมสุข ซึ่งถือหุ้น 25.20% และหากนับรวมหุ้นของเซเว่น-อัพ เนเธอร์แลนด์ บี.วี.ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเป๊ปซี่ด้วยกัน ถือหุ้นรวม 41.54% ได้เสนอบุคคล 6 ราย เข้าเป็นกรรมการ ประกอบด้วย Mr.Ian Tetro Mr.Malcolm Thompson นายทรงยศ เรืองสกุลราช บุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ ได้แก่ Mr.William Raper Mr.David Terrant และ Mr.Howard Bryant
นายศิริวัฒน์ วรเวทย์วุฒิคุณ หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายย่อยหุ้นเสริมสุข กล่าวว่า ในการประชุมวันที่ 29 เมษายน 2554 (พรุ่งนี้) ได้เตรียมข้อมูลไปซักถามบริษัท และเชื่อว่า การประชุมน่าจะมีความวุ่นวายบ้าง แต่ไม่รุนแรง เพราะเชื่อว่ากลุ่มต่างชาติหรือกลุ่มเป๊ปซี่ น่าจะส่งทนายความที่มีความรู้ด้านกฎหมายเข้ามาร่วมประชุม และจะแสดงการคัดค้านในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป๊ปซี่ ซึ่งประเมินว่าวาระที่ขอมติบอกเลิกสัญญากับบริษัท เป๊ปซี่ ก็น่าจะมีการแสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันเกิดขึ้น ขณะที่มติกรรมการก็ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงที่จะโหวต ซึ่งปัจจุบัน มีคะแนนที่ใกล้เคียงกันอยู่
“คงต้องติดตามดูผลการตัดสิน แต่เชื่อว่า การประชุมน่าจะมีความขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มคนไทยกับเป๊ปซี่ โดยเฉพาะประเด็นการบอกยกเลิกสัญญาและการเลือกกรรมการ ซึ่งต้องใช้มติเสียงข้างมากเป็นตัวตัดสินและเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยกับรายใหญ่ ที่มีสัดส่วนการถือครอง 9% ก็น่าจะลงมติให้คนไทย เพราะที่ผ่านมา ในการประชุมคนไทยก็รวมพลังกันได้ดี”
เขากล่าวว่า ถ้าฝั่งผู้ถือหุ้นคนไทยสามารถรวบรวมเสียงและลงมติได้จำนวน 42% ก็สามารถชนะได้ ประกอบด้วยบริษัท เอสเอสฯ ถือหุ้นประมาณ 32.60% กลุ่มรายใหญ่และรายย่อยประมาณ 9.72% ส่วนกลุ่มต่างชาติหรือกลุ่มเป๊ปซี่มีสัดส่วนถือหุ้น 41.55%
รายงานข่าวจากบริษัท เสริมสุข ได้มีการประกาศวาระที่สำคัญในการประชุมที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 29 เมษายน 2554 นี้ เช่น วาระการรับทราบและให้ความเห็นชอบการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสัญญาระหว่างบริษัทและเป๊ปซี่ แม้ว่าคณะทำงานจะได้แจ้งให้เป๊ปซี่ทราบว่า บริษัทไม่สามารถลงนามในสัญญาที่ไปเป็นไปตามมติผู้ถือหุ้นได้ ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2554 เป็นวันสุดท้ายที่จะต้องลงนามในสัญญาใหม่ Exclusive Bottling Appointment ซึ่งลงนามโดยเป๊ปซี่ และได้แจ้งให้บริษัทลงนาม แต่สัญญาดังกล่าว มีเนื้อหาที่สำคัญหลายประการไม่ถูกต้องตรงกันตามมติประชุมผู้ถือหุ้น
บริษัทจึงไม่สามารถลงนามร่วมได้ จึงถือว่า การลงนามไม่ได้เกิดขึ้น ตามเวลาที่กำหนด บริษัทจึงต้องบอกเลิกสัญญา และจะมีผลในวันครบกำหนดระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันที่บอกกล่าว บริษัทได้มีสัญญาบอกกล่าวเลิกสัญญาไปเป๊ปซี่ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2554 โดยให้สัญญาเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นวันทำการของวันที่ 1 เมษายน 2555
วาระพิจารณาอนุมัติแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่พ้นตำแหน่งวาระและแทนกรรมการที่ลาออก และกลุ่มผู้ถือหุ้น ทั้ง 2 ฝ่าย ได้แก่ กลุ่มบริษัท เอสเอส โลจิสติกส์ เสนอรายชื่อคณะกรรมการใหม่ 4 ราย และอีก 2 รายเป็นกรรมการชุดเดิม ขณะที่ฝั่งเป๊ปซี่ เสนอรายชื่อกรรมการใหม่ 6 ราย ซึ่งรวมกรรมการอิสระด้วย
ปัจจุบัน กลุ่มเป๊ปซี่ เป็นผู้จำหน่ายวัตถุดิบหรือส่วนผสมที่ใช้ในการผลิตน้ำอัดลม (หัวน้ำเชื้อ หรือ Concentrates) ภายใต้สัญญา EBA ให้แก่ SSC โดยในรอบปีบัญชี 2552 มีมูลค่าการซื้อประมาณ 3,435 ล้านบาท ซึ่งเมื่อปี 2553 กลุ่มเป๊ปซี่ พยายามที่จะเข้าซื้อหุ้น เสริมสุข โดย ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ราคาหุ้นละ 29 บาท แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากมีผู้มาเสนอขายหุ้นไม่ครบตามที่ต้องการ จึงต้องล้มเลิกการทำเทนเดอร์
ขณะที่ต่อมาช่วงปลายปี 2553 บริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ ได้ประกาศทำเทนเดอร์ฯ หุ้นเสริมสุขราคาหุ้นละ 42 บาท ซึ่งมีผู้มาเสนอขายหุ้น สัดส่วน 32.62% โดยรวมถึงกลุ่มของนายสมชาย บุลสุข ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเสริมสุข ผู้บริหารและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ฝ่ายไทยด้วย